Collagen จากปลาน้ำจืดดีกว่าน้ำทะเลยังไง ?

Last updated: 19 ธ.ค. 2567  |  5 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คอลลาเจนจากปลาน้ำจืด

Collagen จากปลาน้ำจืดดีกว่าน้ำทะเลยังไง ?


คอลลาเจนจากปลาน้ำจืด และปลาน้ำทะเลต่างกัน ในหลายด้านทั้งแหล่งที่มากระบวนการผลิต และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามแต่ละชนิดก็มีข้อดี และข้อด้อย

คอลลาเจนคืออะไร

      คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่สำคัญในร่างกายมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มันเป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งรวมถึงผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และหลอดเลือด คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย

ชนิดของคอลลาเจน

คอลลาเจนมีหลายชนิด แต่ชนิดที่พบมากในร่างกายมนุษย์มีอยู่หลัก ๆ ดังนี้ :

  1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen): เป็นชนิดที่พบมากที่สุด คิดเป็นประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย อยู่ในผิวหนัง กระดูก เอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ

  2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II Collagen): พบมากในกระดูกอ่อน เป็นส่วนประกอบสำคัญของข้อต่อ

  3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III Collagen): พบในผิวหนัง หลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยืดหยุ่นอื่น  ๆ

  4. คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Type IV Collagen): พบในชั้นฐานของเซลล์ ซึ่งช่วยในการกรองสารต่าง ๆ
  5. คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Type V Collagen): พบในผิวหนัง ผม และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบางชนิด

 

ประโยชน์ของคอลลาเจน

คอลลาเจนมีประโยชน์หลายประการทั้งในด้านความงามและสุขภาพ เช่น :

  1. เสริมสร้างสุขภาพผิว : ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น และชุ่มชื้น
  2. เสริมสร้างสุขภาพข้อต่อ : ช่วยลดอาการปวดข้อ และเสริมสร้างความยืดหยุ่นของข้อต่อ
  3. เสริมสร้างกระดูก : ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน
  4. เสริมสร้างสุขภาพผมและเล็บ : ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรงและไม่แตกหักง่าย
  5. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ : ช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

แหล่งที่มาของคอลลาเจน

คอลลาเจนสามารถหาได้จากแหล่งธรรมชาติหลายแห่ง ดังนี้

ปลา : ส่วนใหญ่เป็นคอลลาเจนประเภทที่ 1 ซึ่งคอลลาเจนประเภทนี้ดูดซึมง่ายมาก และจะได้ผลดีหากทำงานร่วมกับวิตามินซี ช่วยบำรุงผิว ข้อต่อ กระดูก เส้นเลือดและการย่อยอาหาร

วัว : คอลลาเจนประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2  ซึ่งนำมาจากส่วนผิวหนัง กล้ามเนื้อและกระดูกของวัว

ไก่ : คอลลาเจนประเภทที่ 2 ถูกพบมากในไก่โดยเฉพาะตีนไก่ ซึ่งคอลลาเจนประเภทนี้ช่วยบำรุงข้อต่อและผิวพรรณ ลดการอักเสบ อาการปวดหลังและคอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย
 

        ในปัจจุบันคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุด คือ คอลลาเจนจากปลาน้ำจืด ซึ่งเหมาะกับคนที่แพ้อาหารทะเลแต่อยากทานคอลลาเจนที่สกัดจากปลามากที่สุด

คอลลาเจนจากปลาน้ำจืด ดีกว่าน้ำทะเลยังไง

  1. กรดอะมิโน ไฮดรอกซีโพรลีนสูง                                                                            

    ปลาน้ำจืดจะมีกรดไฮดรอกซีโพลีนมากกว่าปลาทะเล ซึ่งกรดไฮดรอกซีโพลีนนี้เป็นอนุพันธ์โปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเส้นใยคอลลาเจนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า และมีส่วนช่วยให้โครงสร้างผิวหนังแข็งแรงนั่นเอง

    นอกจากนี้ ปลาน้ำจืดยังมีไบโอแอคทีฟคอลลาเจนเปปไทด์มากกว่าปลาทะเล จากงานวิจัยพบว่าไบโอแอคทีฟคอลลาเจนเปปไทด์นี้ จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของเซลล์ในกระดูกอ่อนข้อเข่าและช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนขึ้นมาใหม่


     2. ดูดซึมได้ดีกว่า

    คอลลาเจนจากปลานั้นขึ้นชื่อเรื่องการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยคอลลาเจนจากปลานั้นสามารถดูดซึมได้ดีและร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าคอลลาเจนจากปลาทะเลนั้นจะสามารถดูดซึมได้ดีแล้ว แต่คอลลาเจนจากปลาน้ำจืดนั้นร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่า ซึ่งสามารถดูดซึมได้ดีกว่าปลาทะเลถึง 30%

     3. ปลอดภัย ไม่มีอันตรายสำหรับผู้แพ้อาหารทะเล

   คอลลาเจนจากปลาทะเลนั้นมีข้อกัดอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ที่แพ้อาหารทะเลนั้นไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีส่วนประกอบจากอาหารทะเล ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งคอลลาเจนจากปลาน้ำจืดนั้นจะมีความปลอดภัยกว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่แพ้อาหารทะเล


ข้อควรระวัง :

สำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนหรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีส่วนผสมมาจากทะเล เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ แต่การทานคอลลาเจนที่สกัดจากปลาน้ำจืดนั้นมีความปลอดภัย ไม่มีอันตราย ผู้แพ้อาหารทะเลสามารถทานได้โดยไม่ต้องกังวล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้