Last updated: 19 ก.ย. 2566 | 2692 จำนวนผู้เข้าชม |
จากข้อมูลของ Statista เผยผลสำรวจตลาดเครื่องสำอางโลก ในปี 2560 (2017) สร้างรายได้รวม 532.43 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 805.61 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2566 (2023) ดูจากสถิติที่สะท้อนความต้องการในการใช้เครื่องสำอางของผู้บริโภค มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเทรนด์การดูแลสุขภาพผิว และใบหน้าตัวเองให้อ่อนวัยมากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตเองก็พยายามจะสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นว่าเครื่องสำอางสามารถเข้าถึงได้ง่าย และใช้ได้กับทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่กับผู้หญิงอย่างเดียวเท่านั้น จึงทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเพิ่มฐานผู้บริโภค แต่ถึงอย่างนั้น มีผู้ผลิตหลายเจ้าที่ใช้การเติบโตนี้สร้างผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และจงใจให้ผู้บริโภคเป็นเหยื่อที่นอกจากเสียทรัพย์แล้ว ยังเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ และชีวิตได้ รวมถึงผู้ผลิตในวงการเครื่องสำอางที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน นั่นคือ การผลิตเครื่องสำอางปลอม (counterfeit cosmetics) ออกมาจำหน่ายนั่นเอง
เครื่องสำอางปลอมสามารถวางจำหนายได้ในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า เมื่อเทียบกับเครื่องสำอางของแท้
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิตผิดกฎหมายเข้าถึงทุกระดับชั้นสังคมในหลายเรื่องได้มากขึ้น จึงช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องสำอางปลอมในปริมาณที่สูงขึ้น อีกทั้งสินค้าที่ได้มีความคล้ายคลึงของแท้มากขึ้นจนแยกไม่ออกหากผู้บริโภคไม่ได้สังเกต หรือ ระวังเป็นพิเศษ
ความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำ (low business risk) เพราะต้นทุนการผลิตและค่าโสหุ้ย (overhead cost) ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกันสินค้าของแท้ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตมักมีคุณภาพต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการลงทุน (investment cost) น้อย ไม่จำเป็นต้องมีการพัฒนาสูตร และทำงานวิจัยรองรับ
ศักยภาพตลาด (marketing potential) มีขนาดใหญ่ เพราะมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับปานกลางรองรับ เนื่องจากไม่มีกำลังมากพอในการซื้อสินค้าของแท้ อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายยังมีช่องโหว่ และไม่เข้มงวดรัดกุม ส่งเสริมให้เกิดความสนใจในการปลอมแปลงเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น
การแข่งขันกับเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดทำได้ยาก แต่การปลอมแปลงโดยใช้ความนิยมของเครื่องสำอางถูกกฎหมายนั้นมาสร้างยอดขายสินค้าปลอมของตนเองทำได้ง่ายและเร็วกว่า
เพราะฉะนั้น ควรเลือกซื้อสินค้าของแท้อย่างชาญฉลาด โดยรู้จักวิธีการมองหาจุดแตกต่างที่บ่งชี้ว่าเป็นของปลอมแปลงได้
วิธีที่ทำได้ง่าย ลดและหลีกเลี่ยงโอกาสการถูกล่อหลวง คือ ซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายที่เป็นที่รู้จักและได้รับอนุญาตในการขาย ร้านขายยาหรือห้างสรรพสินค้า สำหรับการซื้อสินค้าบนแพลทฟอร์มออนไลน์ เลือกซื้อสินค้าจากร้านที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เช่น ผู้ขายบน Amazon ที่ได้รับการตรวจสอบเข้มงวด แต่วิธีดังกล่าวข้างต้นก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% อ้างอิงจากสถิติ Precedence ปัจจุบันตลาดเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์วิธีการตรวจสอบความถูกต้อง (authentication technology) ผ่าน anti-counterfeit cosmetic packaging บนบรรจุภัณฑ์ว่าสินค้าใดเป็นของแท้มีแนวโน้มสูงขึ้นไปในทางเดียวกัน ยกตัวอย่าง Holograms, Barcodes, RFID tags และ Security labels เป็นต้น เนื่องจากการปลอมแปลงสินค้าปลอมมักพบมากในประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย authentication technology จึงมักถูกใช้และพบได้บ่อยในอุตสาหกรรมสินค้าประเภทนี้
14 ธ.ค. 2567