Last updated: 21 ก.พ. 2566 | 2953 จำนวนผู้เข้าชม |
การที่ธุรกิจให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยปกติ
แนวคิดของความยั่งยืน (Sustainability) คือความใส่ใจรายละเอียดในทุก ๆ มิติที่ไม่ใช่แค่เพียงมิติด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่มันต้องประกอบไปด้วย 3 มิติ ด้วยกัน นั่นก็คือ โลก (Planet) ผู้คน (People) และผลกำไร (Profit) หรือที่เราเรียกว่า 3P ที่มุ่งเน้นการรักษาสมดุลและนำมาปรับใช้กับธุรกิจโดยครอบคลุมด้านสังคม (Social) เศรษฐกิจ (Economic) และสิ่งแวดล้อม (Environmental) ซึ่งในแนวคิดของความยั่งยืน (Sustainability) นั้นก็พัฒนามาจากการทำธุรกิจในสมัยก่อนที่เรามุ่งเน้นแต่เรื่องของผลกำไรเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งต่างๆรอบด้านประกอบกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ที่เราทำร้ายโลกใบนี้ด้วยกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์และธุรกิจต่าง ๆ นั้นต้องหันมาใส่ใจกับการให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ที่มากกว่าเรื่องของผลกำไร รวมทั้งคนใน Generation ใหม่ๆก็ให้ความใส่ใจกับแบรนด์ที่ใส่ใจโลกและสังคมด้วยเช่นกัน ซึ่งจะกลายเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจในยุคใหม่
Avoid การเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดขยะที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เลี่ยงการใช้วัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ เท่าที่ทำได้
Recycle เป็นการนำวัสดุต่าง ๆ ที่เหลือใช้และกำลังจะถูกทิ้งหรือถูกทำลายกลับมาใช้ใหม่โดยไม่ทำให้เป็นขยะสูญเปล่า เช่น การนำขวดพลาสติกเหลือทิ้งกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งของอื่น ๆ ได้ใหม่การนำมูลสัตว์มาใช้เป็นปุ๋ยคอก การนำกาบมะพร้าวมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น
Reduce เป็นการใช้วัสดุที่ทำให้การเพิ่มปริมาณขยะน้อยลง เช่น การลดใช้วัสดุสิ้นเปลือง เช่น กระดาษเอกสาร โดยการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์แทน และลดการสร้างขยะเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยหันมาใช้ถุงผ้าในการบรรจุสิ่งของแทนการใช้ถุงพลาสติก ใช้ที่บรรจุอาหารที่สามารถล้างและใช้ซ้ำได้ ทดแทนการบรรจุอาหารในกล่องพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เป็นต้น
Reuse เป็นการนำเอาวัสดุนั้น ๆ กลับมาใช้ใหม่ แม้จะเคยใช้ไปแล้วมากกว่า 1 ครั้งก็ยังใช้งานต่อได้ เช่น การนำกล่องพัสดุที่ได้รับมาจากร้านค้าออนไลน์ กลับไปส่งต่อให้ผู้อื่นได้ใช้งานอีกครั้ง
เครื่องสำอางที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถย่อยสลายได้ 100% ทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อต่าง ๆ
บรรจุภัณฑ์จะมีความเรียบง่าย และผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ที่สามารถนำไปรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ 100% เช่น ไม้ไผ่ ซังข้าวโพด เพื่อลดการเกิดขยะนั่นเอง
สร้างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างจิตสำนึกต่อโลกมากขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องสำอางที่ดีขึ้น จากการใช้กระบวนการผลิตแบบโอลีโอเคมี ด้วยการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต โดยส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้สามารถช่วยลดโอกาสในการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตลอดจนลดอาการแพ้ได้
โอลีโอเคมี Oleochemical คือ กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของไขมันพืชและสัตว์ ปัจจุบันนั้นมีการนำไปใช้งานหลากหลายมากเนื่องจากเป็นสารกลุ่มชนิดที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และนำกลับมาใช้ได้อีก จึงเป็นสารชนิดหนึ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
สารสกัดจากธรรมชาติ (Natural) จะแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
สารสกัดจากธรรมชาตินั้นจะต้องได้มาจากธรรมชาติ (Natural) เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันหอมระเหย
สารสกัดจากธรรมชาตินั้นจะต้องมีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ แต่อาจมีการกระบวนการผลิตบางอย่างที่ดัดแปลง จนได้ออกมาเป็นสารชนิดหนึ่ง (Natural Origin) เช่น Sodium Coco Glucoside ซึ่งเป็นสารสกัดที่ต้นกำเนิดมาจาก มะพร้าว เป็นต้น
สารสกัดจากธรรมชาติออร์แกนิค (Organic) คือ
สารสกัดที่ได้มาจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการผลิตทางเคมีดัดแปลงใดๆ อีกทั้งแหล่งต้นกำเนิดของสารสกัดนั้นๆ จะต้องไม่ผ่านการปลูกโดยใช้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมของสารเคมีเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไป
สินค้าธรรมชาติ (Natural) จะต้องมีสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ (Natural) หรือ สารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ (Natural Origin) อย่างน้อย 95% ของส่วนผสมทั้งหมด หากมีน้อยกว่านั้นจะไม่สามารถ กล่าวได้ว่าสินค้านั้นเป็นผลิตภัณที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ (Natural)ได้
สินค้าออร์แกนิค (Organic) จะมีสิ่งที่เพิ่มเติมจากสินค้าธรรมชาติ คือจะ ต้องมีส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคผสมอยู่ไม่ต่ำกว่า 10% ของส่วนผสมทั้งหมด ซึ่งส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคนั้น ก็คือ สารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตทางเคมีใดๆ และแหล่งต้นกำเนิดสารสกัดนั้นๆ จะต้องไม่ผ่านการปลูกโดยใช้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมของสารเคมีเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไป
Ingredients
ไม่ใช้ความร้อนในการทำ Emulsion (ใช้ emulsifier ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน)
ไม่ใช้น้ำ (ทำ product ที่เน้นไปทาง oil wax balm)
เน้นทำเป็นผลิตภัณฑ์ 3 in 1 และ 2 in 1
ผลิตภัณฑ์ Solid เช่น Solid Soap Shampoo
จัดซื้อวัตถุดิบที่สนับสนุนชุมชน
ผ่านการรับรองจาก Cruelty Free International
Packaging
เน้นวัสดุที่เป็นกระดาษ กระดาษลัง เยื่อกระดาษและแก้ว
เลือกทำเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบ Refill
เลือกใช้ Soy Ink (หมึกพิมพ์ที่ใช้น้ำมันถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบแทนน้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งน้ำมันถั่วเหลืองที่นำมาใช้ไม่มีสารพิษ และเป็นชนิดเดียวกับน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหาร และหมึกพิมพ์ถั่วเหลืองสามารถใช้งานกับการพิมพ์ระบบ offset ได้)
ทำแพ็คเกจจิ้ง 2 in 1 เช่น เป็นเนื้อครีมและพู่กันในแท่งเดียว
Promotion
นำบรรจุภัณฑ์มาแลกผลิตภัณฑ์
นำบรรจุภัณฑ์มาสะสม points
ส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้นสามารถเข้าไปทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งเทรนด์ ‘Sustainability’ เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น คำจำกัดความของเทรนด์นี้คือส่วนผสมต่าง ๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ รวมถึงกระบวนการผลิตและที่มาของส่วนผสมต่าง ๆ นั้นต้องไม่เป็นอันตรายต่อโลกใบนี้นั่นเองค่ะ
หากสนใจอยากสร้างแบรนด์ครีมและเครื่องสำอางกับบริษัท เดอร์มา อินโนเวชั่น รวมทั้งปรึกษาการสร้างแบรนด์ด้วยตัวเองกับเราสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
19 ธ.ค. 2567