Last updated: 10 พ.ย. 2565 | 15757 จำนวนผู้เข้าชม |
ในขั้นตอนการทำความสะอาดเครื่องสำอาง คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ มีชื่อคล้ายกัน ทำความสะอาดผิวเหมือน ๆ กัน สองอย่างนี้เหมือนกันจริงไหม วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องของคลีนซิ่งกัน
คลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สามารถทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง เมคอัพ ครีมกันแดด และคราบฝุ่นให้หลุดออกไปได้อย่างหมดจด มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของสภาพผิว
คลีนซิ่งมีความจำเป็นมาก ๆ ในยุคปัจจุบัน เพราะการทำความสะอาดหน้าด้วยโดยการใช้น้ำเปล่า ไม่สามารถขจัดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด หรือน้ำมันบนใบหน้าได้ หากเราละเลยการใช้คลีนซิ่ง อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันสะสมของคราบไขมันและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ จนทำให้เกิดสิวได้
คลีนซิ่ง (Cleansing) กับ คลีนเซอร์ (Cleanser) ชื่อเรียกคล้ายกัน จัดเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกัน แต่มีประสิทธิภาพและการใช้งานที่ต่างกัน
คลีนซิ่ง (Cleansing) ใช้เป็นตัวแรกในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า ใช้ขณะหน้าแห้ง โดยคลีนซิ่ง มีหน้าที่ขจัดคราบสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และครีมกันแดด มีเนื้อสัมผัสหลายรูปแบบน้ำ บาล์ม ครีม เจล ออยล์ มิลค์ หรือแบบแผ่น สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกในการใช้งาน และสภาพผิวของเราได้
คลีนเซอร์ (Cleanser) ใช้เป็นตัวสุดท้ายในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า ใช้ขณะหน้าเปียก โดยคลีนเซอร์มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้า แบบต้องใช้น้ำล้างออก เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าอย่างล้ำลึก สะอาดหมดจด มีหลากหลายเนื้อสัมผัสให้เลือกใช้ เช่น เนื้อเจลไม่มีสี ไม่มีฟอง ช่วยลดแรงตึงผิว อ่อนโยนต่อผิว แต่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก
ใช้คลีนซิ่งโดยการหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดออก
การใช้คลีนซิ่งแบบหยดลงบนสำลี แล้วเช็ดออก เหมาะสำหรับคลีนซิ่งที่มีความเหลว คลีนซิ่งที่ใช้งานลักษณะนี้ เช่น คลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งเจล เป็นต้น
ใช้คลีนซิ่งนวดบนใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
การใช้คลีนซิ่งโดยการนวดบนผิวหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เหมาะสำหรับคลีนซิ่งที่มีความหนืด ขึ้นตัวเป็นเนื้อ เช่น คลีนซิ่งครีม คลีนซิ่งบาล์ม เป็นต้น
ใช้คลีนซิ่งแบบแผ่นเช็ดได้เลย
คลีนซิ่งแบบแผ่น เป็นการนำคลีนซิ่งน้ำมาอยู่ในรุปแบบแผ่น เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน สามารถหยิบใช้แล้วทิ้งได้เลย เหมาะสำหรับวันที่แต่งหน้าน้อย หากแต่งหน้าหนักอาจต้องใช้เปลืองกว่าคลีนซิ่งแบบอื่น
คลีนซิ่งน้ำ หรือ คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water)
คลีนซิ่งที่ไม่มีน้ำมันอยู่ในส่วนผสม มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ สามารถขจัดความมันส่วนเกินได้ดี ต้องใช้สำลีเป็นอุปกรณ์เสริม
คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil)
คลีนซิ่งที่มีน้ำมันและน้ำอยู่ในส่วนผสม โดยส่วนมากจะมีน้ำมันมากกว่าน้ำ ไม่จำเป็นต้องใช้สำลีเป็นอุปกรณ์เสริม สามารถเทลงบนฝ่ามือ แล้วนวดลงบนใบหน้าได้เลย
คลีนซิ่งน้ำนม (Cleansing Milk)
คลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อคล้ายน้ำนม มีสีขาวขุ่น ต้องใช้สำลีเป็นอุปกรณ์เสริม
คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel)
คลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล ลื่น ๆ มีทั้งเจลใส และเจลขุ่น เป็นคลีนซิ่งสูตรบางเบาและอ่อนโยนมาก และอาจต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดนาน
คลีนซิ่งแผ่น
คลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีคลีนซิ่งน้ำอยู่ภายใน มีการใช้งานสะดวก สามารถนำมาใช้งานได้เลย พกพาง่าย
คลีนซิ่งครีม หรือ คลีนซิ่งโลชั่น (Cleansing Lotion)
คลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมคล้ายครีมบำรุงผิว ต้องใช้สำลีเป็นอุปกรณ์เสริม
คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm)
คลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อบาล์มแต่เมื่อสัมผัสลงบนผิวจะค่อย ๆ อ่อนนุ่มลง ไม่จำเป็นต้องใช้สำลีเป็นอุปกรณ์เสริม สามารถปาดบาล์มลงบนฝ่ามือ แล้วนวดลงบนใบหน้าได้เลย
สภาพของผิวหน้าที่ต่างกัน ต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน คลีนซิ่งถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในการดูแลผิว ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองกันค่ะ
คลีนซิ่งของคนผิวมัน
คนที่มีผิวมัน เป็นผิวที่มีการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากกว่าปกติ ทำให้มีน้ำส่วนเกินอยู่บนผิวมาก การเลือกใช้คลีนซิ่งน้ำจึงเป็นทางเลือกที่มีความเหมาะเป็นพิเศษ เพราะคลีนซิ่งน้ำไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และสามารถขจัดความส่วนเกินได้ดี
คลีนซิ่งของคนผิวเป็นสิวง่าย
คนที่มีผิวเป็นสิวง่าย ต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มเติม เพื่อลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน และควบคุมความมันบนใบหน้า การเลือกใช้คลีนซิ่งน้ำนม หรือคลีนซิ่งที่มีวิธีการใช้แบบไม่ต้องใช้สำลีเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด เนื่องจากการใช้สำลีจะมีเสียดสีที่ผิวหน้า อาจทำให้ปัญหาสิวแย่ลงได้
คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิวผสม
คนที่มีผิวผสม ผิวจะมีความมันส่วนเกินที่บริเวณหน้าผาก จมูก และบริเวณผิวหน้าแก้มจะแห้ง สามารถเลือกใช้ได้ทั้งคลีนซิ่งน้ำ และคลีนซิ่งน้ำนม
คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิวแห้ง
คนที่มีผิวแห้ง เป็นผิวที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงมากเกินไป การเลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ หรือคลีนซิ่งที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมจะสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวได้
คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
คนที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่มีอาการระคายเคืองจากสิ่งภายนอกได้ง่าย คลีนซิ่งเจลและคลีนซิ่งบาล์ม จึงเป็นคลีนซิ่งที่มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะมีความอ่อนโยนสูง และช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี แต่การใช้คลีนซิ่งเจล อาจต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดกว่าแบบอื่น
คลีนซิ่งที่เหมาะกับทุกสภาพผิว
คลีนซิ่งแผ่น เป็นคลีนซิ่งที่ออกแบบมาให้มีการใช้งานสะดวก และรวดเร็ว สามารถใช้งานได้กับทุกสภาพผิว ไม่เหมาะกับวันที่แต่งหน้าจัดเต็ม
ทุกครั้งก่อนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย เราควรคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ใช้แล้วต้องไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ไม่เกิดก่อให้สิวเพิ่ม คลีนซิ่งก็เช่นกัน โดยคลีนซิ่งที่ดีควรปราศจากสารดังต่อไปนี้
แอลกอฮอล์ (Alcohol)
พาราเบน หรือ สารกันเสีย (Paraben)
น้ำหอม (Perfume)
Sodium Lauryl Sulfate (SLS) และ Sodium Laureth Sulfate (SLES)
สีสังเคราะห์ (Synthetic Color)
เนื่องจากสารเหล่าสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองผิวได้ เมื่อเกิดการแพ้หรือการระคายเคืองผิว ทำให้ผิวของเรามีความอ่อนแอลง ทำให้ผิวเป็นสิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
คลีนซิ่งแบบไหนดี ? คลีนซิ่งที่ดีควรไม่มีส่วนประกอบของสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ การระคายเคืองผิว อาทิเช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม สีสังเคราะห์ เป็นต้น คลีนซิ่งที่ดี ไม่ความทำให้ผิวหลังใช้ของเราแห้งตึง ไม่มีอาการแสบ แดง คัน และที่สำคัญคือต้องทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง ได้อย่างหมดจด
สำหรับใครที่สนใจอยากทำผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบครีม เซรั่ม เจล ฯลฯ หรือต้องการสูตรที่เหมาะกับผิวประเภทไหนสามารถติดต่อหรือปรึกษาเราได้เลย เดอร์มา อินโนเวชั่น โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบครบวงจร ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัยและความเชี่ยวชาญที่พร้อมมอบให้กับคุณ
19 ธ.ค. 2567