Last updated: 8 มี.ค. 2562 | 7239 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันนี้ทุกคนไม่ว่าเพศหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ต่างก็ใช้เครื่องสำอางทั้งสิ้น เครื่องสำอางนอกจากจะหมายถึงเครื่องสำอางที่ผู้หญิงใช้เพื่อเสริมความสวยงามแล้ว ยังรวมถึง สบู่ แชมพู ครีมนวด ยาสีฟัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นไม่ว่าจะเป็น ผด ผื่น สิว บางครั้งก็ทำให้เกิดความรำคาญ ทำให้เสียความงาม หรือ บางครั้งอาจเป็นอันตรายขั้นรุนแรงได้ อาการผิวแพ้เครื่องสำอาง สังเกตได้จากอะไร หากเป็นแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากหมดสวยเพราะเครื่องสำอาง ควรรู้เอาไว้เลยนะ
ประเภทของอาการแพ้เครื่องสำอาง
1. ผิวหนังอักเสบเกิดการระคายเคือง อาการนี้จะปรากฏให้เห็นชัดเจนกับทุกคน คุณจะรู้สึกคันยิบๆ หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ แต่ก็จะเป็นในระยะเวลาไม่นาน ทั้งนี้ถ้าหากยังไม่หยุดใช้ผิวของคุณก็จะเป็นผื่นแดง และมีตุ่มอักเสบผุดขึ้นมา ซึ่งอาจจะเกิดเป็นแผลพุพองขึ้นได้หากเราเอามือไปสัมผัสหรือเกา
2. ผื่นคัน อาการนี้จะเกิดขึ้นในคนที่แพ้ส่วนผสมเฉพาะบางอย่างในเครื่องสำอางบางประเภท ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นน้ำหอม โดยจะมีลักษณะอาการผิวแดง, บวม, คัน คล้ายเป็นลมพิษ ในบางกรณีจะมีอาการแสบคันร่วมด้วย หรือถ้าแพ้หนัก ก็อาจเกิดตุ่มแดง ตุ่มน้ำ
3. แพ้แสงแดดผิวคล้ำมีรอยดำ หากสังเกตว่ายิ่งใช้เครื่องสำอางแล้วผิวยิ่งดำ อาจเป็นเพราะว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้นั้นกำลังทำให้ผิวของคุณเกิดอาการแพ้แสงแดด ซึ่งจะเห็นเป็นรอยดำอย่างชัดเจน ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเครื่องสำอางที่ส่วนผสมของ น้ำหอม, มะกรูด, มะนาว, แตงกวา หรือสมุนไพรบางชนิด เป็นต้น
4. เป็นกระสีขาว อาการแพ้ลักษณะนี้จะพบได้บ่อยๆ ในสาวๆ ที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอท ซึ่งจะทำให้ผิวขาวขึ้น แต่ไม่สม่ำเสมอ สุดท้ายผิวแล้วก็จะกลายเป็นผิวกระดำกระด่าง
เมื่อเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางแล้วต้องทำอย่างไร?
สาเหตุหลักของอาการแพ้ครีมที่ว่า ก็มักเกิดจากการที่เราลองใช้ครีมตัวใหม่ที่เราไม่เคยใช้มาก่อน แล้วดันโชคร้ายที่ครีมตัวนั้นมันเข้ากับหน้าของเราไม่ได้ มันก็เลยต่อต้านเรา ก็เลยส่งอาการแพ้มาบนหน้า ในเมื่อเราเข้ากับครีมตัวใหม่ไม่ได้ ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือเลิกใช้ครีมนั้นซะ แต่ปัญหามันไม่ได้จบแค่นั้นนะซิ มันยังฝากอาการแพ้นั้นไว้ให้เราแก้อีก ในเมื่อหน้าของเรามันเกิดอาการแพ้ขึ้นมาแล้ว เราก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาวิธีแก้ปัญหาตรงนี้ไปให้ได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ไปหาหมอผิวหนังซะ เพื่อให้หมอดูอาการแพ้ของเรา และช่วยรักษาอาการที่ว่าให้หายไปอย่างรวดเร็วที่สุด แต่มิสเดอร์ม่าเชื่อว่า มีหลายคนไม่อยากไปหาหมอ และอยากลองรักษาอาการแพ้เองซักครั้ง วันนี้มิสเดอร์ม่าจึงมีวิธีแก้อาการแพ้ที่เกิดจากเครื่องสำอางมาฝากทุกคนค่ะ
1. เลิกใช้ครีมตัวปัญหานั้นไปซะ
ขั้นตอนแรกของการแก้ปัญหาอาการแพ้ครีมก็คือ เลิกใช้ครีมที่ทำให้หน้าเกิดอาการแพ้ทันที ถึงแม้ว่าครีมที่ซื้อมาใหม่จะมีราคาแพงขนาดไหนก็ตาม เพราะครีมราคาแพงไม่ได้แปลว่าใช้แล้วดีเสมอไป แต่อย่าเพิ่งจับมันโยนทิ้งลงถังขยะนะคะ ก่อนที่เราจะกำจัดมันอยากให้จดส่วนผสมของครีมนั้นไว้ เพื่อเราจะได้เอามาวิเคราะห์ภายหลังว่าเราน่าจะแพ้สารตัวไหนที่อยู่ในครีมตัวนั้น เวลาเราไปซื้อตัวครีมตัวใหม่จะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องซื้อมาใช้ให้เปลืองเงินอีก
2. หยุดใช้ครีมบำรุงผิวทุกชนิด
หลังจากที่เราเลิกใช้ครีมตัวปัญหาไปแล้ว ต่อมาเราควรหยุดใช้ครีมบำรุงผิวที่เราเคยใช้อยู่ก่อนหน้านี้ ทั้งเดย์ครีม ไนท์ครีม โทนเนอร์ มอยเจอไรเซอร์ แป้งพัฟ และที่สำคัญหยุดใช้ครีมกันแดดก่อน เพราะครีมเหล่านี้อาจจะเข้าไปขัดขวางการรักษาอาการแพ้ของเรา อาจทำให้หน้าของเราเกิดการระคายเคืองและอักเสบมากยิ่งขึ้น หยุดใช้รอให้รักษาผดผื่นที่หน้าให้หายก่อน แล้วค่อยกลับมาบำรุงผิวก็ยังไม่สายนะคะ
3. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า
เวลาที่หน้าเราเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ครีมอะไรที่เราใช้อยู่ก่อนหน้านี้ ก็อาจทำให้อาการแพ้ของเรารุนแรงมากขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะผิวหน้าเรามันไม่เหมือนเดิมแล้ว มันอ่อนแอจนเกินรับไหว โฟมล้างหน้าก็เป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะโฟมล้างหน้าจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรอ่อนโยนขนาดไหน เมื่อมันมาสัมผัสกับผิวที่แพ้ของเราแล้ว ความอ่อนโยนของมันก็อาจจะหายไป อาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้อาการแพ้ของเราหนักมากขึ้นกว่าเดิมได้ เพราะฉะนั้นในช่วงที่เรามีอาการแพ้ครีมอยู่ ควรงดใช้โฟมล้างหน้า แล้วหันมาล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าจะดีกว่า เป็นการลดการระคายเคืองที่ผิวหน้าอย่างดีเยี่ยม ช่วยปูทางให้กับการรักษาผิวหน้าในขั้นตอนต่อไป
4. งดการพอกหน้า
เมื่อหน้าเราแพ้เราควรงดกิจกรรมที่จะเป็นการรบกวนใบหน้าของเราให้มากที่สุด การพอกหน้าหรือการมาร์คหน้าก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราควรหยุดเอาไว้ก่อน เพราะส่วนใหญ่การพอกหน้านั้นมักจะทำให้ผิวของเราแห้งมากกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการทำให้หน้าที่แพ้ของเราหนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก(ผิวหน้าของคนที่แพ้มักจะแห้งกว่าปกติ) เพราะฉะนั้นถ้าอยากหายจากอาการแพ้แล้วล่ะก็หยุดพอกหน้ากันก่อนดีที่สุดค่ะ
5. ทายาลดผดผื่น
บางครั้งหน้าของเราที่แพ้อาจเกิดอาการคันร่วมด้วย เมื่อเราคันจนทนไม่ไหวก็อาจหายาทาที่สามารถช่วยลดอาการบนหน้าของเรามาทาบ้าง ลองไปหาซื้อยาทาแก้คันตามร้านขายยามาใช้ดู ลองปรึกษากับเภสัชที่ขายยาก็ได้ บอกอาการเบื้องต้นให้เภสัชรู้ เขาจะได้แนะนำยาทาที่เหมาะสมกับอาการแพ้ของเราให้
6. อย่าบีบสิวเองเด็ดขาด
บางครั้งอาการแพ้ของเรา อาจมีการเกิดสิวเห่อร่วมด้วย ซึ่งพอเห็นสิวบางคนก็อาจเกิดอาการคันไม้คันมืออยากบีบมันขึ้นมาได้ แต่ขอบอกว่าอย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด อย่าบีบสิวที่ขึ้นมาตอนที่เราแพ้ เพราะจะยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น จะทำให้อาการแพ้ของเราบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาแผลเป็นหลุมสิวที่จะตามมา เพราะฉะนั้นอย่าบีบสิวเด็ดขาด แต่ถ้าเกิดมีสิวอักเสบขึ้นมาก็สามารถหายาแต้มสิว มาแต้มที่หัวสิวได้ เพื่อทำให้อาการอักเสบลดน้อยลง
7. ทาครีมสร้างความแข็งแรงให้ผิว
บางคนอาจจะงงว่าตอนแรกบอกให้งดทาครีม แต่ทำไมข้อนี้บอกให้ทาครีมอีกแล้ว ครีมที่เราใช้อยู่อาจจะต้องงด แต่ครีมบางตัวก็ยังจำเป็นต้องทา โดยเฉพาะครีมที่ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยลดอาการระคายเคือง ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าของเราให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกมอยเจอร์ไรเซอร์เอาไว้ทาเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เลือกตัวที่คิดว่าใช้แล้วไม่ทำให้แพ้และระคายเคืองมากขึ้น อีกตัวที่อยากแนะนำคือ เจลว่านหางจระเข้เอามาทาบำรุงผิวก่อนเข้านอนได้ นอกจากจะช่วยให้หน้าชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยต้านอาการแพ้อาการอักเสบของผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้
"รู้อย่างนี้แล้ว หากใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตัวใดแล้วพบอาการแพ้ เราก็สามารถรับมือกับอาการต่างๆ ได้แล้วนะคะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็ควรเลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และใช้อย่างถูกวิธีด้วยนะคะ อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ค่ะ "9 เคล็ดลับ วิธีเลือกใช้เครื่องสำอาง" และ "4 สาเหตุยอดฮิต ในการใช้เครื่องสำอางผิดวิธี" แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ"
มิสเดอร์มา
by Derma Innovation
11 ธ.ค. 2567
5 ธ.ค. 2567
14 ธ.ค. 2567
5 ธ.ค. 2567