Last updated: 23 ธ.ค. 2567 | 7 จำนวนผู้เข้าชม |
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมหลายตัวถึงมีส่วนผสมที่เรียกว่า Panthenol? สารนี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการความงาม แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ที่แท้จริง บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ Panthenol ว่าคืออะไร? ทำไมหลายผลิตภัณฑ์ถึงเลือก Panthenol เป็นส่วนผสม? หากใช้แล้วมีผลข้างเคียงไหม? ไปหาคำตอบกัน!
แพนทีนอล หรือ Panthenol มักเรียกว่าโปรวิตามิน B5 เป็นสารประกอบทางเคมีที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี ซึ่งเรียกว่ากรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid) แม้ว่าจะมีอยู่ตามธรรมชาติในเนื้อเยื่อของพืชและสัตว์ แต่ประเภทของ Panthenol ที่ใช้ในสูตรเครื่องสำอางผลิตขึ้นมาโดยสังเคราะห์ มีลักษณะเป็นของเหลวใสและไม่มีสี ละลายน้ำได้และเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมอื่น วิตามินบี 5 มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพผิวและเส้นผม ควบคู่ไปกับวิตามินอื่น ๆ โดยทั่วไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง เนื่องจากมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวหนังและเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ
Panthenol เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการระคายเคือง มักถูกใช้ในวงการสกินแคร์เพื่อดูแลผิวพรรณและเส้นผมเป็นหลัก โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้
วิตามินบี 5 คือ วิตามินที่ละลายน้ำได้ และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย (Metabolism) หรือปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์เพื่อเปลี่ยนสารอาหารที่ได้รับจากอาหารให้เป็นพลังงานหรือสารอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การรับประทานอาหารหลากหลายกลุ่มอย่างสมดุล จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 5 ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งวิตามินบี 5 พบได้อย่างแพร่หลายในอาหารหลากหลายชนิด ดังนี้
แม้ว่าโปรวิตามินบี 5 จะมีอยู่ในอาหารหลากหลายชนิด แต่มักจะสูญเสียสารอาหารไปเมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิต เช่น การบรรจุในกระป๋อง การแช่แข็ง การขัดสี เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายได้รับสารอาหารจากวิตามินบี 5 ในปริมาณทีเพียงพอ จึงควรรับประทานอาหารที่สดใหม่แทนการปรุงแต่งที่ผ่านการกลั่น
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวส่วนใหญ่ที่มี Panthenol จะใช้ส่วนผสมนี้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างลิปิดของผิว (Lipids) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำและสารอาหารจากผิวหนัง นอกจากนี้ คุณสมบัติในการบรรเทาของ Panthenol ยังทำให้มันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอีกด้วย โดยจะพบผลิตภัณฑ์ที่มี Panthenol ในการดูแลผิวหลายประเภท เช่น มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้า มาสก์หน้า คลีนเซอร์ โทนเนอร์ ครีมบำรุงรอบดวงตา ครีมกันแดด เป็นต้น
เราสามารถเจอ Panthenol ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไปหลายประเภท ยกตัวอย่าง ลิปสติกที่ผสม Panthenol จะช่วยบรรเทาอาการปากแห้ง พร้อมบำรุงริมฝีปากให้เนียนนุ่ม โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดจัด ๆ หรือสภาพอากาศหนาวจัด นอกจากนี้ ยังมี Panthenol เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอื่น ๆ อีก เช่น เซรั่มสำหรับขนตาและคิ้ว เมื่อนำ Panthenol รวมกับไบโอตินิล-GHK ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ประกอบด้วยไบโอติน (Biotin) และเปปไทด์ GHK จะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและลามินิน ทำให้ขนตาและคิ้วมีสุขภาพดีขึ้น ดูหนาขึ้นและเติบโตอย่างแข็งแรง ลดการหลุดร่วง เป็นต้น
หนึ่งในประโยชน์ที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดของ Panthenol คือ ความสามารถในการบรรเทาอาการหนังศีรษะ รวมถึงการปกป้องเส้นผมจากความเสียหายที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมและการจัดแต่งทรง โดยการเก็บกักความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมแห้งกร้านและเปราะแตก เนื่องจาก Panthenol ละลายน้ำได้ มันจึงล้างออกได้ง่ายและไม่ทำให้เกิดการสะสมบนเส้นผมหรือหนังศีรษะ จะพบว่าแชมพูและครีมนวดหลายตัวมี Panthenol เป็นส่วนประกอบรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีในเจลจัดแต่งทรงผม มูส สเปรย์จัดแต่งทรง และผลิตภัณฑ์ช่วยแก้ปัญหาเส้นผมพันกันอีกมากมาย
เล็บ ประกอบด้วยโปรตีนเคราติน เช่นเดียวกับเส้นผม ดังนั้น Panthenol จึงสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเล็บมือและเล็บเท้าได้ สามารถพบ Panthenol ได้ในน้ำยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เล็บแข็งแรง หรือในครีมบำรุงมือ จากการศึกษา การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเล็บที่มี Panthenol เป็นส่วนประกอบจะช่วยให้รักษาความชุ่มชื้นของเล็บและป้องกันการแตกหักของเล็บได้
Panthenol เป็นส่วนประกอบที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และคณะกรรมการยุโรปว่าด้วยส่วนประกอบเครื่องสำอางให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง พร้อมจัดประเภท Panthenol ไว้ในฐานข้อมูล "โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย" (Generally Regarded as Safe) อีกทั้ง Cosmetic Ingredient Review (CIR) ซึ่งเป็นอีกองค์กรที่มีชื่อเสียงในการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความปลอดภัยของ Panthenol ในการใช้ทาผิวตามการวิจัยล่าสุดในปี 2560 พบว่าไม่มีหลักฐานสำคัญว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของ Panthenol จะทำให้ผิวระคายเคืองหรือเป็นอันตรายต่อผิวอย่างอื่น ยกเว้นในกรณีแพ้ ผลข้างเคียงจากการใช้ Panthenol ทาผิวนั้นหายากมาก และเมื่อเกิดผลข้างเคียงมักจะปรากฏในรูปแบบของผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส พร้อมระบุว่าปริมาณ Panthenol ในเครื่องสำอางไม่ก่อให้เกิดอันตรายเมื่อถูกดูดซึมเข้าร่างกาย เนื่องจากเราได้รับระดับวิตามิน B5 ในระดับที่สูงกว่าจากอาหารที่เรากินอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า Panthenol ที่ใช้บนผิวหนังจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในระบบร่างกายได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจาณา Panthenol ว่ามีประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้เป็นอาหารเสริม แต่ถึงอย่างนั้น Panthenol หรือกรดแพนโทเทนิคในอาหารเสริมนั้นแตกต่างจากการใช้ทาผิวหรือเส้นผมโดยสิ้นเชิง ดังนั้น FDA จึงแนะนำว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมสำหรับการใช้ Panthenol ในอาหารเสริม
การสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Panthenol ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ และเครื่องสำอาง ก็ล้วนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวที่โดดเด่น Panthenol ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกโรงงาน Derma Innovation ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยดึงคุณสมบัติเด่น ๆ ของส่วนผสมต่าง ๆ ออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้แบรนด์ของคุณมีความแตกต่างในตลาดและสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยยังรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะมีคุณภาพสูง พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างดีที่สุด