6 เทคนิคสครับผิว ทำเองได้ง่ายๆ ห้ามพลาด!

Last updated: 9 พ.ย. 2565  |  20380 จำนวนผู้เข้าชม  | 

6 เทคนิคสครับผิว ทำเองได้ง่ายๆ ห้ามพลาด!

การดูแลผิวอยู่เป็นประจำ และสม่ำเสมอ รวมไปถึงการสครับผิวจะช่วยให้เรามีผิวสวยดั่งใจได้ การขัดผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก และยังเป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก สิ่งอุดตันในรูขุมขน พร้อมเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน กระจ่างใส

ผิวที่หมองคล้ำทำให้หมดความมั่นใจ การผลัดเซลล์ผิวให้ขาวกระจ่างใสสามารถทำเองได้ง่ายๆ ด้วยการขัดผิว มิสเดอร์มารวม 6 วิธีสครับผิวให้ขาวกระจ่างใส ทำเองได้ง่าย ๆ แบบถูกต้องและไม่ทำร้ายผิวมาฝากค่ะ 

1. สครับผิวขณะผิวเปียก ป้องกันการระคายเคืองผิว

ก่อนเริ่มสครับผิวแนะนำให้ทำความสะอาดผิวก่อน เพื่อให้สิ่งสกปรก และคราบมันหลุดออก แล้วจึงค่อยเริ่มสครับผิวในขณะที่ผิวเปียก โดยถูเป็นวงกลม วนเบา ๆ 5 – 10 นาที เน้นบริเวณผิวหมองคล้ำ หรือหยาบกร้านเป็นพิเศษ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เหตุผลที่ควรสครับผิวในขณะที่ผิวเปียก เพราะจะสามารถป้องกันการระคายเคืองผิวได้ และเมื่อเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพถูกน้ำจะมีความอ่อนนุ่มขึ้น ทำให้หลุดออกได้อย่าง่ายดาย

 

2. เลือกเม็ดสครับให้ขนาดเหมาะสม ปกป้องจุดบอบบาง

นอกจากเราควรจะสครับผิวให้ถูกวิธีแล้ว การเลือกขนาดเม็ดสครับให้มีความเหมาะสมกับสภาพผิวก็สำคัญเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นการสครับบริเวณผิวกายก็ตาม เพราะบริเวณผิวกายมีจุดที่บอบบางไม่แพ้บริเวณผิวหน้า ควรเลือกสครับที่มีเม็ดขนาดใหญ่ และหยาบ ใช้บริเวณผิวที่มีความหนา แข็ง และหยาบกร้าน เช่น บริเวณข้อศอกหรือส้นเท้า เป็นต้น ส่วนในบริเวณอื่น ๆ เช่น ผิวบริเวณแขน ขา ควรเลือกเม็ดสครับที่มีขนาดกลางไปจนไปถึงขนาดเล็กที่ให้เนื้อสัมผัสไม่แข็งจนเกินไป

Hokkaido Milk With Apricot Body Scrub สครับทำความสะอาดพร้อมบำรุงผิวกาย ด้วยเม็ดสครับ Apricot จากธรรมชาติ ไม่บาดผิว ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เนียนนุ่มน่าสัมผัส  พร้อมกลิ่นหอมติดผิว และสุดท้ายในบริเวณที่มีความเปราะบางสูง เช่น ผิวหน้า หรือผิวรักแร้ แนะนำให้เลือกใช้ครับที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ เม็ดสครับขนาดเล็ก ไม่บาดผิว เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองตามมา

3. ขัดผิวอย่างพอเหมาะ ไม่ขัดบ่อยเกินไป

การสครับผิวไม่ควรทำบ่อย ๆ เนื่องจากสภาพผิวของเราไม่เหมือนกัน และหากสครับผิวบ่อย ๆ จะเป็นการรบกวนระบบนิเวศของผิวทำให้ผิวบอบบางและแห้งได้ ควรเว้นระยะเวลาให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพหลุดออกไปก่อน โดยความถี่ที่เหมาะสมในการสครับผิวไม่ควรเกิน 1 – 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ 

 

4. ใช้เวลาขัดผิวให้พอประมาณ ไม่นานเกินไป

การสครับผิวควรใช้เวลาไม่เกิน 5 – 10 นาที หากนานกว่านี้อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผิวที่มีความบอบบาง การขัดผิวที่ถูกต้องและขัดในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดี และดูกระจ่างใสเรียบเนียนได้อีกด้วย

 

5. ใช้อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพในการขัดผิว 

การสครับผิวนอกจากจะใช้มือแล้ว เรายังสามารถหาอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ เช่น ใยบวบ, ถุงมือ หรือแปรงขัดผิว จะช่วยให้ขัดผิวได้ง่าย และทั่วถึงมากขึ้น แนะนำให้ใช้บริเวณผิวที่คล้ำเสีย และหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หรือ เข่า แต่อย่าลงน้ำหนักมือมากจนเกินไป อาจก่อให้เกิดการอักเสบได้

 

6. บำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นหลังขัดผิว

ซับตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูและทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Multi-Vitamin Body Lotion โลชั่นบำรุงผิวกาย เนื้อบางเบา ซึมไวไม่เหนอะหนะ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ สารสกัด Dragon's Blood ช่วยบำรุงผิวให้ผิวเรียบเนียน ลดเลือนรอยแผลเป็นและจุดด่างดำจากรอยแผล ผสานคุณค่ากับสารสกัดส้มแมนดาริน และ สารสกัดมะเขือเทศ ช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใสอมชมพู ผิวดูโกลว์แบบมีสุขภาพดี ทั้งยังอุดมไปด้วยประโยชน์จากวิตามินที่เป็นอาหารผิวถึง 4 ชนิด ได้แก่ Vitamin B3, Vitamin E, Vitamin C และ Vitanol EL (Retinol-like) ช่วยบำรุงให้ผิวเรียนนุ่ม ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ผิวดูอ่อนกว่าวัย คืนผิวที่หมองคล้ำให้กลับมาดูเปล่งประกาย ผิวดูมีออร่า

อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นต้องขัดผิวทุกวัน เพราะการขัดผิวจะลดความแข็งแรงของชั้นผิวจึงทำให้ผิวชั้นนอกทนต่อปัจจัยภายนอกอย่างแสดงแดดและมลภาวะได้น้อยลง นอกจากนี้การขัดผิวอาจทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นควรทาครีมบำรุงหลังขัดผิวเสร็จเพื่อให้กระบวนการขัดผิวทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบและรักษาให้ผิวมีความชุ่มชื้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้