How to วิธีสังเกตและหลีกเลี่ยงครีมที่มี "สารสเตียรอยด์"

Last updated: 8 มี.ค. 2562  |  136255 จำนวนผู้เข้าชม  | 

How to วิธีสังเกตและหลีกเลี่ยงครีมที่มี "สารสเตียรอยด์"

     ปัจจุบันมีผู้ผลิตเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวออกวางจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย ซึ่งเรารู้จักกันในนาม ครีมหน้าขาว (Whitening Products) ครีมหน้าขาวนี้จัดเป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตในบรรดาผู้หญิงทั้งหลาย เพราะเห็นผลเร็ว ผิวขาวเนียนใสจริง แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ความขาวใสนี้ จะถูกแถมด้วยอาการข้างเคียง คือ รอยไหม้ดำที่ค่อยๆ แผ่วงกว้าง รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง ติดเชื้อง่าย ซึ่งใช้เวลาในการรักษานานและในบางรายอาจเป็นถาวร เมื่อผู้บริโภคถูกเอาเปรียบและได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ อย.จึงเข้ามามีบทบาทในการสืบสวนหาสาเหตุ และได้ประกาศ รายชื่อสารต้องห้ามใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง อันได้แก่ สารปรอท, สารไฮโดรควิโนน, สเตียรอยด์, กรดเรติโนอิก เป็นต้น ซึ่งวันนี้มิสเดอร์มาฯ ได้หยิบยกอันตรายของครีมที่ผสมสารสเตียรอยด์และวิธีการหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางจำพวกนี้มาฝากกันค่ะ

อันตรายของครีมที่ผสมสารสเตียรอยด์
  1. สารสเตียรอยด์เป็นสารที่ผิดกฎหมายหากนำมาใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์ หากนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมอย่างไม่ถูกวิธี อาจเสี่ยงทำให้ผิวหน้าของผู้ใช้บางลงไวต่อมลภาวะ มีผดผื่น สิวขึ้น ไวต่อแสงแดดมากเกินไป

  2. หากยังใช้ไปนานๆ อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้บริเวณผิวที่ทาเกิดหลอดเลือดใต้ผิวหนังแตกง่าย ทำให้ผิวแตกลาย และทำให้เกิดสิวเรื้อรังรักษายาก

 
วิธีสังเกต เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางกลุ่มที่มีการผสมสารสเตียรอยด์
  1. ที่ผลิตภัณฑ์ ต้องมีข้อมูล แหล่งที่มา ที่เชื่อถือได้ระบุไว้อย่างชัดเจน โดยต้องมีข้อมูลดังนี้
    • ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ที่มีชื่อทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
    • ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต กรณีที่ผลิตในประเทศ ชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า  และชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต กรณีที่นำเข้า
    • ปริมาณ วิธีใช้ ข้อแนะนำ คำเตือน เดือน ปีที่ผลิตและที่หมดอายุ เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต และชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิต
    • ข้อความอื่นเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค เช่น เลขที่ใบรับแจ้ง จาก อย. เป็นเลข 13 หลัก หรือ 10 หลัก
      โดยท่านสามารถตรวจสอบเลขที่ใบจดแจ้งว่าเป็นของปลอมหรือไม่ได้ที่ http://porta.fda.moph.go.th/FDA_SEARCH_ALL/MAIN/SEARCH_CENTER_MAIN.aspx
  2. ไม่มีคำโฆษณา หรือข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของเครื่องสำอาง และไม่ใช้ข้อความที่ขัดต่อศีลธรรม หรือวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
  3. ครีมต้องไม่มีการแยกชั้นกันของเนื้อครีม เมื่อตั้งทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
  4. เนื้อครีมต้องไม่เปลี่ยนสีในระยะเวลาอันสั้น อาจจะ 1-3 เดือนหลังจากที่ซื้อ เช่น เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทา หรือเหลือง
  5. ครีมที่ใช้ต้องไม่เห็นผลเร็วจนเกินไป โดยเฉพาะเห็นผิวขาวขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 7 วัน เพราะครีมที่ดีควรค่อยๆ ผลัดผิวใหม่ของเราอย่างช้าๆ ใช้เวลา 1-2 เดือน
  6. ครีมต้องไม่มีกลิ่นแปลกๆ นอกจากกลิ่นสารเคมีเข้มข้นแล้ว ไม่ควรมีกลิ่นน้ำหอมจนฉุนจมูก เพราะอาจเป็นการกลบกลิ่นสารเคมีอันตรายที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง
  7. อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่ราคาไม่เหมาะสมกับคำเคลม อย่างเช่น ครีมทาผิวขาว ช่วยให้ผิวขาวเห็นผลใน 3-7 วัน แต่ราคาถูกแสนถูก สงสัยไว้ได้เลย ว่าอาจมีสารต้องห้ามผสมอยู่
  8. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์กับบริษัทที่เชื่อถือได้ มีทีมนักวิจัย หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ดูความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว
  9. หากอยากเช็คให้แน่ใจ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีชุดตรวจสอบสารต้องห้าม(Test Kit Cosmetic)จำหน่าย แต่ก่อนซื้อปรึกษาผู้ขายก่อนว่าสามารถตรวจสอบสเตียรอยด์ในครีมได้หรือไม่ เพราะสเตียรอยด์มีหลายประเภท อาจใช้หาสเตียรอยด์ประเภทที่อยู่ในครีมไม่ได้
     

วิธีการตรวจเช็คครีมต้องสงสัยว่าจะมีสารสเตียรอยด์ 
    ทดสอบด้วยผงซักฟอก วิธีนี้เป็นวิธีทดสอบครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดควิโนนแบบง่ายๆ แค่เพียงหาผงซักฟอกมาละลายน้ำแบบเข้มข้น จากนั้นก็เอาไปหยดในครีมที่ใช้ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของครีม คือถ้าครีมเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลไหม้ หรือเปลี่ยนสีไปจนผิดสังเกต แสดงว่าครีมตัวนั้นอาจมีส่วนผสมของสารอันตรายอย่างไฮโดควิโนนอยู่นั่นเอง
 

ที่มา : health.sanook.com





    "ทั้งนี้ วิธีหลีกเลี่ยงครีมสเตียรอยด์ ครีมหน้าขาวหน้าใสที่ขายอยู่ในอินเตอร์เน็ต คือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ จากผู้ผลิตที่ไว้ใจได้เท่านั้น อย่าตกเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะหากผิวเสีย หน้าพังขึ้นมา คนเหล่านี้ไม่รับผิดชอบกับเราด้วยแน่นอนค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ"

มิสเดอร์มา
by Derma Innovation

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้