ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV (Ultraviolet) ที่มาจากแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิว และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำให้สีผิวคล้ำได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของทุกคนนะคะ
แล้วครีมกันแดดมีกี่ประเภท❓ ครีมกันแดดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ
- Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
- Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดดประเภทนี้เมื่อทาบนผิวหนังแล้วจะให้สีที่มีความขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย
- แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน
ค่า SPF และ PA คืออะไร❓
- SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB) ว่าป้องกันได้มากกว่าปกติกี่เท่า เช่น SPF 30 หมายถึง ถ้าในคนปกติ ผิวหนังจะมีอาการแดงเมื่อตากแดดเป็นเวลา 15 นาที แต่เมื่อใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ผิวหนังจะแดงเมื่อตากแดดเป็นเวลา 15x30=450 นาที อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติจริง แสงแดดมีความแรงไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งการเสียดสี และเหงื่อ ทำให้ค่าความสามารถในการป้องกันแสงต่ำกว่าค่าที่ได้จากห้องทดลอง ดังนั้นจึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำประมาณ ทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้มีประสิทธิภาพปกป้องผิวที่ดีขึ้น
- PA หรือ Protection Grade of UVA เป็นค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ส่วนเครื่องเครื่องหมาย + ที่ตามหลังนั้นคือค่าความสามารถในการปกป้องผิว โดยวัดเป็นเท่าของการเกิดผิวคล้ำดำ ดังนี้
- PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้น้อย
- PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้ปานกลาง
- PA+++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่า หรือป้องกันได้มาก
- PA++++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 16 เท่าขึ้นไป หรือป้องกันได้สูงมาก
มาดูวิธีเลือกใช้ครีมกันแดดกันค่ะ❗
- ให้ดูจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราค่ะ หากชีวิตประจำวันไม่ได้เจอแสงแดดมากหรือทำงานในร่ม ค่า SPF และ PA ของครีมกันแดดจึงไม่จำเป็นต้องสูงมากค่ะ เช่น SPF 30 PA++ แต่หากชีวิตประจำวันจะต้องพบเจอแสงแดดตลอดเวลาก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่สูงขึ้นตามความเหมาะสมนะคะ
- ควรใช้ปริมานที่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป เพื่อให้ครีมกันแดดกระจายได้อย่างทั่วถึงค่ะ
- จำนวนครั้งที่ทาต่อวันก็สำคัญนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้วครีมกันแดดที่ทาไปนั้นอาจสูญเสียไปจากการเสียดสี เหงื่อ หรือปัจจัยอื่นๆ ค่ะ ดังนั้นหากต้องออกแดดเป็นเวลานานจึงควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง แล้วแต่ความเหมาะสมค่ะ
- ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญค่ะ ขอให้ครีมกันแดดมีคุณสมบัติครบและไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น อาการคัน หรือมีผื่นเกิดขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
ขอบคุณที่มา : guru.sanook.com, haamor.com, medthai.com
"เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ท่านที่กำลังสนใจสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดด ครีมกันแดด คงได้ความรู้ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ"
มิสเดอร์มา
by Derma Innovation