☀ ครบเครื่อง..เรื่องครีมกันแดด Sunscreen

Last updated: 8 Mar 2019  |  17534 Views  | 

☀ ครบเครื่อง..เรื่องครีมกันแดด Sunscreen

    ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV (Ultraviolet) ที่มาจากแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิว และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำให้สีผิวคล้ำได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของทุกคนนะคะ

แล้วครีมกันแดดมีกี่ประเภท❓ ครีมกันแดดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ

  1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย

  2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดดประเภทนี้เมื่อทาบนผิวหนังแล้วจะให้สีที่มีความขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย

  3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน 

 

  
  
    
    
    

  


ค่า SPF และ PA คืออะไร❓

  • SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวีบี (UVB) ว่าป้องกันได้มากกว่าปกติกี่เท่า เช่น SPF 30 หมายถึง ถ้าในคนปกติ ผิวหนังจะมีอาการแดงเมื่อตากแดดเป็นเวลา 15 นาที แต่เมื่อใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ผิวหนังจะแดงเมื่อตากแดดเป็นเวลา 15x30=450 นาที อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติจริง แสงแดดมีความแรงไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งการเสียดสี และเหงื่อ ทำให้ค่าความสามารถในการป้องกันแสงต่ำกว่าค่าที่ได้จากห้องทดลอง ดังนั้นจึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำประมาณ ทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้มีประสิทธิภาพปกป้องผิวที่ดีขึ้น

  • PA หรือ Protection Grade of UVA เป็นค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ส่วนเครื่องเครื่องหมาย + ที่ตามหลังนั้นคือค่าความสามารถในการปกป้องผิว โดยวัดเป็นเท่าของการเกิดผิวคล้ำดำ ดังนี้
    • PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้น้อย
    • PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ หรือป้องกันได้ปานกลาง
    • PA+++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่า หรือป้องกันได้มาก
    • PA++++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 16 เท่าขึ้นไป หรือป้องกันได้สูงมาก

 

มาดูวิธีเลือกใช้ครีมกันแดดกันค่ะ❗

  1. ให้ดูจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราค่ะ หากชีวิตประจำวันไม่ได้เจอแสงแดดมากหรือทำงานในร่ม ค่า SPF และ PA ของครีมกันแดดจึงไม่จำเป็นต้องสูงมากค่ะ เช่น SPF 30 PA++ แต่หากชีวิตประจำวันจะต้องพบเจอแสงแดดตลอดเวลาก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่สูงขึ้นตามความเหมาะสมนะคะ

  2. ควรใช้ปริมานที่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป เพื่อให้ครีมกันแดดกระจายได้อย่างทั่วถึงค่ะ

  3. จำนวนครั้งที่ทาต่อวันก็สำคัญนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้วครีมกันแดดที่ทาไปนั้นอาจสูญเสียไปจากการเสียดสี เหงื่อ หรือปัจจัยอื่นๆ ค่ะ ดังนั้นหากต้องออกแดดเป็นเวลานานจึงควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง แล้วแต่ความเหมาะสมค่ะ

  4. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญค่ะ ขอให้ครีมกันแดดมีคุณสมบัติครบและไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น อาการคัน หรือมีผื่นเกิดขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ

 

ขอบคุณที่มา : guru.sanook.com, haamor.com, medthai.com






    "เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ท่านที่กำลังสนใจสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดด ครีมกันแดด คงได้ความรู้ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ"

มิสเดอร์มา
by Derma Innovation

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy