Last updated: 16 ต.ค. 2566 | 1420 จำนวนผู้เข้าชม |
ถ้าให้ลองบอกสกินแคร์ที่นึกถึง และมีใช้อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์อย่างโทนเนอร์ เอสเซนส์ เซรั่ม ครีม และแผ่นมาส์กหน้า เชื่อได้ว่าครีมกันแดดก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่คนไม่ลืมกันแน่นอน ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสนใจการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มากขึ้น เพราะสภาวะโลกร้อน แก๊สโอโซนในชั้นบรรยากาศบางลง ส่งผลให้ปริมาณรังสี UV จากดวงอาทิตย์สามารถทะลุมาถึงพื้นโลกรวมถึงสัมผัสผิวหนังของเราได้สูงขึ้นทำให้เกิดผิวหนังไหม้หมองคล้ำเสีย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวอักเสบแดงระคายเคือง ผิวเสื่อมสภาพ ริ้วรอยสัญญาณแห่งวัยมาก่อนเวลา และสามารถนำไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุดหากเกิดการสะสมเป็นระยะเวลานานโดยขาดการป้องกันที่เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด จึงเป็นหนึ่งในสกินแคร์สำคัญที่จัดอยู่ในกิจวัตรประจำวันการดูแลผิว แล้วเคยลองเช็คตัวเองไหมคะว่าที่ใช้อยู่ทุกวัน เราใช้ได้อย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพค่ากันแดดตามบนฉลากหรือไม่ บทความนี้มิสเดอร์มาจะพาผู้อ่านมารีเช็ค และทำความเข้าใจประเด็นสำคัญในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม ใครสนใจเรื่องความหมายของตัวอักษรค่ากันแดด SPF (sun protecting factor) และ PA (protection grade of UVA) สามารถแวะคลิกอ่านได้ที่นี่ก่อน[cM1] ค่ะ มิสเดอร์มาก็ขอแนะนำให้ทุกคนควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด โดยค่ากันแดดเริ่มต้นที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเห็นพ้องต้องกันแนะนำอย่างน้อยอยู่ที่ SPF15 และเพื่อการปกป้องได้ปลอดภัยมากขึ้นเลือกใช้สินค้ากันแดดที่มีค่าตั้งแต่ SPF30 ขึ้นไปค่ะ
เชื่อหรือไม่คะ ว่ามีงานวิจัยสำรวจสอบถามปริมาณผลิตภัณฑ์กันแดดจากอาสาสมัคร หรือแม้กระทั่งสำรวจจากตัวเองและผู้คนรอบข้างที่เรารู้จัก พบว่าใช้น้อยกว่าปริมาณครึ่งนึงที่แนะนำต่อครั้ง (25-50%) และแน่นอน เพราะเมื่อคุณใช้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ประสิทธิภาพกันแดดที่ปกป้องผิวอาจไม่มากพอตามระบุบนฉลากบรรจุภัณฑ์ สัดส่วนในการคำนวณปริมาณผลิตภัณฑ์กันแดดที่ใช้อยู่ที่ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรพื้นที่ผิว (2 mg/cm2) แต่ไม่ต้องรีบควานหาตลับเมตร เทป หรือไม้บรรทัดเอยมาทาบหน้าคำนวณพื้นที่ผิวให้ลำบากค่ะ มิสเดอร์มาขอบอกต่อ tips แทน สำหรับผิวหน้าและลำคอ ใช้ “2 finger rule” บีบเนื้อกันแดดยาวตั้งแต่ต้นจนปลายนิ้ว จำนวน 2 นิ้ว (บนนิ้วชี้และนิ้วกลาง) สำหรับผิวกายปริมาณประมาณ 1 ออนซ์ หรือ 1 แก้วช็อต (shot glass) นอกจากนี้อย่าลืมทาบริเวณพื้นผิวที่เรามักมองข้ามและลืมบ่อยอย่างหู หลังคอ ขมับ ริมฝีปาก และหน้าเท้า เป็นต้น จุดเล็ก ๆ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของผิวเสียและมะเร็งได้นะคะ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด ถึงแม้หลายผลิตภัณฑ์จะถูกพัฒนาและออกแบบให้สามารถป้องกันแดดได้ แต่ด้วยค่ากันแดดที่น้อยรวมถึงอาจไม่ครอบคลุมป้องกันช่วงกว้างทั้งรังสี UVA & UVB (no broad spectrum effect) เนื่องจากหน้าที่ประสิทธิภาพกันแดดไม่ใช่หน้าที่หลักในผลิตภัณฑ์นั้น เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์กันแดดยังเป็นสิ่งที่แนะนำให้คงใช้ควบคู่เช่นกัน
ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างน้อย 15 นาทีก่อนออกแดด เพื่อให้สารกันแดดในสูตรตำรับเครื่องสำอางได้กระจายเซตตัวเป็นเสมือนฟิล์มแห้งบนผิวได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงไม่เปียกติดไปกับเสื้อผ้า และแนะนำให้ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือกรณีผิวโดนน้ำ หรือเหงื่อออก เนื่องจากในสูตรตำรับเครื่องสำอางมีประเภทสารกันแดดทั้งแบบ Chemical, Physical หรือ Hybrid ผสมกันอยู่สัดส่วนมากน้อยไปตามแต่ละสูตร ด้วยหลักการทำงานของ Chemical ที่ดูดซับรังสีแล้วแปลงเปลี่ยนเป็นความร้อน หรือ Physical ที่ใช้หลักการสะท้อนแต่มีปริมาณลดลงจากผิวหนังเมื่อถูกชะล้างด้วยเหงื่อ น้ำ หรือการสัมผัสร่างกาย เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพจึงสามารถถูกลดทอนได้เมื่อเวลาผ่านไป
ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกจากบ้าน หรืออยู่ภายในอาคาร การทาผลิตภัณฑ์กันแดดยังจำเป็นอยู่เนื่องจากรังสีสามารถเดินทะลุกระจกหน้าต่างได้ อีกทั้งใส่เสื้อผ้าคลุม หมวกปิดหน้า แว่นตากันแดด เป็นวิธีบรรเทาผิวเสียจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้เช่นกัน มิสเดอร์มาหวังว่าบทความนี้จะเป็นข้อมูลช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจและเช็ควิธีการใช้งานของตัวเองเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์การป้องกันสูงสุดตามฉลากบรรจุภัณฑ์นะคะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ