QA & QC ต่างกันอย่างไร อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ต้องรู้!

เชื่อว่าต้องมีคนที่เคยได้ยินกันมาบ้างว่าการผลิตสินค้าทุกอย่าง ควรมีระบบการตรวจที่เรียกว่า QA และ QC เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่า QA และ QC คืออะไร แล้วทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร และที่สำคัญทำไม โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Derma Innovation ถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ เราจะมาสรุปให้ทุกคนเข้าใจกันได้อย่างง่าย ๆ ตามมาเลย
QA คืออะไร มีหน้าที่และคุณสมบัติอย่างไร ?
QA (Quality Assurance) หรือ การประกันคุณภาพ คืออะไร ?
QA ย่อมาจาก Quality Assurance หรือ การประกันคุณภาพ คือ กระบวนการที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างมีระบบ เพื่อให้สามารถการันตีได้ว่าสินค้าและบริการ มีคุณลักษณะตอบสนองความต้องการทางด้านคุณภาพได้ตามตกลง ซึ่งเป็นการรับประกันที่สามารถที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ลูกค้าจะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพเท่านั้น
หน้าที่ของ QA (Quality Assurance)
เจ้าหน้าที่ QA คือหน่วยงานที่มีหน้าที่ เน้นไปที่การวางแผน และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในขั้นตอนการผลิต โดย QA จะเป็นผู้ที่กำหนดกฎเกณฑ์และมาตรฐานของสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด รวมถึงต้องตรวจสอบสินค้าที่ผ่านการ QC มาเรียบร้อยแล้ว หากเกิดปัญหาขึ้นในกระบวนการผลิต ตำแหน่งงาน QA คือตำแหน่งที่ต้องมองเห็นถึงปัญหา แล้วต้องนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์เพื่อวางแผน ป้องกันไม่ให้เกิดของเสีย หรือลดจำนวนการเกิดปัญหาในระยะยาว
คุณสมบัติของ QA (Quality Assurance)
คุณสมบัติ QA ที่ดีต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้ความรู้พื้นฐานเรื่องการควบคุมงานคุณภาพได้ มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของมาตรฐาน ISO แต่ละประเภท และสามารถใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี งาน QA คืองานที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ มีความสามารถในการจัดการ วางแผนงาน และจะต้องเป็นคนช่างสังเกต มีความรอบคอบ เป็นคนละเอียดในการทำงาน สื่อสารได้ดีสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้
QC คืออะไร มีหน้าที่และคุณสมบัติอย่างไร ?
QC (Quality Control) หรือ การควบคุมคุณภาพ คืออะไร ?
QC ย่อมาจาก Quality Control คือ การควบคุมคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยการควบคุมการผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือบริการ ให้ได้ตามาตราฐานที่ลูกค้ากำหนด
หน้าที่ของ QC (Quality Control)
เจ้าหน้าที่ QC คือหน่วยงานที่มีหน้าที่ ควบคุม ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการกำกับตรวจสอบ ก่อน ระหว่าง และหลังการผลิต ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- ตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ (RAW MATERIAL) ทุกครั้งก่อนที่จะนำวัตถุดิบทุกตัวที่นำมาใช้ในการผลิต เจ้าหน้าที่ QC ต้องทำการสุ่มตรวจวัตถุดิบ ว่าวัตถุดิบที่ได้มามีคุณภาพตรงกับ Certificate of Analysis หรือไม่
- ตรวจสอบคุณภาพบรรจุภัณฑ์ (PACKAGING) ทุกครั้งก่อนที่จะนำบรรจุภัณฑ์เข้ามาใช้งาน ต้องมีการตรวจสอบผ่านจากเจ้าหน้าที่ QC ก่อนเสมอ เพื่อมั่นใจได้ว่าบรรจุภัณฑ์ที่เข้ามาตรงตาม Standard ที่กำหนด
- ตรวจสอบคุณภาพเนื้อผลิตภัณฑ์ (BULK) การตรวจสอบคุณภาพเนื้อผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ลักษณะการทดสอบ คือ Physical Chemical Testing เป็นการทดสอบทางกายภาพและทางเคมีของเนื้อผลิตภัณฑ์ คือการตรวจ Appearance (ลักษณะภายนอก) , Color (สี) , Odor (กลิ่น) , pH (ความเป็นกรด ด่าง) , Viscosity (ความข้นของเนื้อผลิตภัณฑ์) Microbiology Testing เป็นการทดสอบเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อก่อโรคต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยส่งตรวจที่ห้องตรวจเชื้อที่ได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบคุณภาพระหว่างการผลิตทุก ๆ ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่ตำแหน่ง QC line คือผู้เดินตรวจงานในไลน์การผลิต โดยจะใช้การสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ เช่น ตรวจดูการติดสติ๊กเกอร์ การใส่กล่อง และอื่น ๆ ว่าตรงตามมาตรฐานหรือไม่
- ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (FINISH GOOD)
หลังจากได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (FINISH GOOD) เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ QC จะต้องทำการสุ่มว่าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตรงตามมาตรฐานหรือไม่ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่าง หรือที่เรียกว่า Retain Sample เพื่อนำเนื้อครีมมาตรวจสอบในภายหลังได้ โดยอายุการจัดเก็บขึ้นอยู่กับอายุของผลิตภัณฑ์
คุณสมบัติของ QC (Quality Control)
คุณสมบัติ QC ที่ดีต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้ความรู้พื้นฐานเรื่องการควบคุมงานคุณภาพได้ มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของมาตรฐาน ISO แต่ละประเภท และสามารถใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
สรุปความแตกต่างของ QA และ QC
สรุปอย่างง่าย ก็คือ การตรวจสอบและการควบคุมคุณภาพ (QC) และ การประกันคุณภาพ (QA) นั้นต่างเป็นกระบวนการตรวจสอบเพื่อทำการป้องกัน (Prevention) การเกิดความผิดพลาดที่สามารถส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการในทุกด้าน โดยที่ QA เน้นการจัดการ การประกันคุณภาพ การป้องกันสินค้าชำรุด หรือไม่ได้คุณภาพ ให้มีคุณภาพ ในขณะที่ QC เป็นการควบคุมคุณภาพ โดยการตรวจสอบสินค้าให้ได้มาตรฐาน และแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานที่มีไว้ รวมทั้งแก้ไขข้อบกพร่องและกำจัดสาเหตุนั่นเอง
ตัวอย่างศัพท์เฉพาะทางน่ารู้ในกระบวนการทำงานของ QA และ QC
- Standard หมายถึง ตัวอย่างต้นแบบในการผลิต และตรวจสอบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ตรงตามที่ตรงลง
- Physical Chemical Testing หมายถึง การทดสอบทางกายภาพและทางเคมี
- Microbiology Testing หมายถึง การทดสอบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ เชื้อรา และเชื้อก่อโรคต่าง ๆ
- Appearance หมายถึง ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์
- Viscosity หมายถึง ความข้นหนืดของเนื้อผลิตภัณฑ์
- Finish Good หมายถึง ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
- Retain Sample หมายถึง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เพื่อนำเนื้อผลิตภัณฑ์มาตรวจสอบในภายหลัง
นอกจาก QA กับ QC แล้ว โรงงานบางที่ก็อาจมี QS ด้วยเหมือนกันนะ
นอกจาก QA กับ QC แล้ว โรงงานบางที่มี QS ด้วยโดย QS ย่อมาจาก Quantity Surveyor หรือ ผู้ตรวจสอบปริมาณงาน คือ บุคคลที่ทำการตรวจสอบปริมาณงานจากรูปแบบที่ได้รับเพื่อทำการประเมินงาน
จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าทั้ง QA และ QC ต่างก็เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตอย่างมาก การทำงานร่วมกันของทั้งหน่วยงาน ทำให้ผู้บรโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ตามความต้องการทางโรงงานผลิตครีม โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Derma Innovation มีทีม QA & QC ที่คอยดูแล และตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานให้กับแบรนด์ครีมของลูกค้าทุกท่าน เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมีความมั่นใจได้เลยว่า สินค้าที่ลูกค้าได้รับจากทางเราไป ได้มาตรฐานทุกชิ้นแน่นอนค่ะ
หากสนใจอยากสร้างแบรนด์ครีมและเครื่องสำอางกับบริษัท เดอร์มา อินโนเวชั่น โรงงานผลิตครีม โรงงานผลิตเครื่องสำอาง รวมทั้งปรึกษาการสร้างแบรนด์ด้วยตัวเองกับเรา สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
