งานวิจัยเผยความจริง! Tea Tree Oil ช่วยอะไร? ลดสิวได้จริงไหม? และความปลอดภัยที่ควรรู้

Tea Tree Oil สารสกัดจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในการลดสิวและปัญหาผิวต่าง ๆ ทำให้ Tea Tree Oil กลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังสรรพคุณเหล่านี้มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนคุณสมบัติอันน่าทึ่งของ Tea Tree Oil ทำให้ทั้งวงการความงามและวงการทางการแพทย์ก็ให้ความสนใจสารสกัดตัวนี้ ไปหาคำตอบกันว่า  Tea Tree Oil ช่วยอะไร? พร้อมทำเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยและข้อควรระวังต่าง ๆ กัน

Tea Tree Oil คืออะไร?

น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) คือ น้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากใบของต้นทีทรี (Melaleuca alternifolia) ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านการอักเสบ และสมานแผล จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน ทั้งในด้านการดูแลผิวพรรณ เส้นผม และสุขภาพทั่วไป

Tea Tree Oil ช่วยอะไร?

1. ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา

Tea Tree Oil มีสารสำคัญคือ Terpinen-4-ol ซึ่งเป็นสารประกอบหลัก มีกลไกการออกฤทธิ์ที่ซับซ้อนในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยจะเข้าไปทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค ทำให้สารสำคัญภายในเซลล์รั่วไหลและเชื้อโรคตายในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า Terpinen-4-ol สามารถยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนและ DNA ของเชื้อโรค ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเชื้อ และยังต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวและเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนัง เช่น Cutibacterium acnes และ Trichophyton spp. ตามลำดับ

2. รักษาผิวหนังอักเสบ

Tea Tree Oil สามารถลดการผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น ไซโตไคน์ (cytokines) และฮิสตามีน (histamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแดง คัน และบวม งานวิจัยบางชิ้นยังได้แสดงให้เห็นว่า Tea Tree Oil มีประสิทธิภาพในการลดอาการของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic dermatitis) โดยช่วยลดความรุนแรงของผื่นและการระคายเคือง อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้ Tea Tree Oil โดยตรงบนผิวหนังที่บอบบาง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ควรเจือจางด้วยน้ำมันตัวพา (Carrier Oil) เช่น น้ำมันมะพร้าว ก่อนใช้ และควรทดสอบอาการแพ้โดยทาบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้ในบริเวณกว้าง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์

3. โดดเด่นเรื่องรักษาสิว

Tea Tree Oil คือสารสกัดจากธรรมชาติที่โดดเด่นในการรักษาสิว ด้วยคุณสมบัติฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ C.Acnes (Cutibacterium Acnes) ที่เป็นสาเหตุหลักของสิว งานวิจัยจากวารสารการแพทย์ออสเตรเลียพบว่า Tea Tree Oil เข้มข้น 5% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Benzoyl Peroxide (BP) 5%  เนื่องจากช่วยลดการอักเสบ ลดปริมาณกรดไขมัน และลดการอุดตันรูขุมขน จึงเหมาะสำหรับสิวหลายประเภท ทั้งสิวอุดตัน สิวหัวดำ และช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น นอกจากนี้ Tea Tree Oil ยังปลอดภัย ไม่มีสารก่อมะเร็ง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยารักษาสิว Benzoyl Peroxide ที่จะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งแพทย์ ทำให้ Tea Tree Oil เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่แพ้หรือระคายเคืองจาก BP อย่างไรก็ตาม ควรใช้น้ำมันทีทรีในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง

4. สมานแผล

Tea Tree Oil มีศักยภาพในการส่งเสริมการสมานแผล โดยมีกลไกหลักคือการต้านเชื้อแบคทีเรียและส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ สาร Terpinen-4-ol ใน Tea Tree Oil สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในแผล นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า Tea Tree Oil สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในกระบวนการสมานแผล และส่งเสริมการเคลื่อนที่ของเซลล์ผิวหนัง ทำให้แผลปิดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจยังมีข้อจำกัดในการใช้ Tea Tree Oil กับแผลเปิดขนาดใหญ่ เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้

ความนิยมของ Tea Tree Oil 

Tea Tree Oil ได้รับความนิยมในการใช้บำรุงผิวพรรณ โดยมักพบในผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว โฟมล้างหน้า เซรั่ม ครีมทาผิวมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรักษาผิวที่มีปัญหาสิว อักเสบ หรือแห้งกร้าน อีกทั้งหลายแบรนด์ก็ยังเลือกชูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil มีมากมายทั้งในตลาดประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งแต่ละแบรนด์จะเน้นการใช้ประโยชน์จากน้ำมัน Tea Tree ในการรักษาปัญหาผิวและเส้นผม ยกตัวอย่าง แบรนด์ Tea Tree Therapy ที่มีชื่อเสียงในการใช้ Tea Tree Oil ที่มีความบริสุทธิ์สูง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงผิวด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีคุณภาพ 

ข้อควรระวัง! Tea Tree Oil ห้ามใช้กับอะไร

• สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง: เนื่องจาก Tea Tree Oil มีความเข้มข้นสูง จึงควรควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น เรตินอยด์ กรด AHA/BHA และแอลกอฮอล์ เป็นต้น การใช้ร่วมกันอาจทำให้ผิวแห้ง แดง ลอก หรือระคายเคืองมากขึ้นได้
• สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์: มีงานวิจัยที่พบว่าการใช้ Tea Tree Oil ร่วมกับน้ำมันลาเวนเดอร์อาจส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเอสโทรเจน (Estrogen) ในร่างกายได้ โดยเฉพาะในเด็กผู้ชายก่อนวัยเจริญพันธุ์ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณเต้านมเกิดการขยายตัว อาจทำให้เกิดภาวะหน้าอกโต (Gynecomastia) ได้
• ยารักษาสิวที่มี Benzoyl Peroxide (BP): ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Tea Tree Oil ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะจุดและมีสารออกฤทธิ์แรง เช่น ยารักษาสิวที่มี Benzoyl Peroxide (BP) ในปริมาณที่เข้มข้น เพราะอาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้
• การทดสอบอาการแพ้: เนื่องจาก Tea Tree Oil มีความเข้มข้นสูงและอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในบางคน โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ดังนั้นควรทดสอบการแพ้โดยการทาน้ำมันที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil ลงบนข้อพับที่แขน แล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากพบอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง คัน หรืออักเสบ ควรหยุดใช้ทันที
• ห้ามรับประทาน: Tea Tree Oil ใช้สำหรับภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน

สรุป Tea Tree Oil ปลอดภัยไหม?

Tea Tree Oil โดยทั่วไปถือว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ปลอดภัยเมื่อใช้ภายนอก แต่ผู้บริโภคบางรายอาจมีอาการแพ้หรือเกิดการระคายเคืองจากการใช้งาน เช่น ผิวหนังอักเสบ ผิวแดง หรือรู้สึกแสบร้อนคัน หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้โดยไม่เจือจางให้เหมาะสม แต่การใช้ในระดับความเข้มข้นที่ต่ำ 5% ถือว่าเป็นระดับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน

สารสกัดธรรมชาติ Tea Tree Oil ที่ผู้บริโภคยุคใหม่มองหา 

Tea Tree Oil ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้ใช้และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั่วโลก ด้วยงานวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพในการต้านแบคทีเรียและบำรุงรักษาผิวเป็นไปในทางบวก  จึงอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดชนิดนี้มีแนวโน้มช่วยรักษาสิวในระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลางได้ อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของ Tea Tree Oil จำเป็นต้องได้รับการเจือจางอย่างเหมาะสมและวิจัยอย่างพิถีพิถัน ซึ่งนี่คือจุดที่แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างได้ ปรึกษา Derma Innovation ที่มีประสบการณ์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อพัฒนาสูตร Tea Tree Oil ที่ปลอดภัย อ่อนโยน และเห็นผลจริง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ 

อ้างอิงข้อมูลจาก jddtonline.info