ปัจจุบันเครื่องสำอาง เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดหนึ่งที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสะอาด และความสวยงาม นำไปสู่สุขอนามัยที่ดี และสุขภาพจิตที่ดีดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักเครื่องสำอางให้มากขึ้นก่อนจะตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าเพื่อซื้อเครื่องสำอางแต่ละตัว สาวๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบนฉลากมีข้อความดังต่อไปนี้หรือไม่?
- ชื่อเครื่องสำอาง และชื่อทางการค้าในส่วนนี้ผู้ขายมักจะให้ความสำคัญอยู่แล้ว การแสดงชื่อเครื่องสำอางบนฉลากจึงมีความชัดเจนโดดเด่นอย่างมาก แต่จะมีข้อควรระวังอยู่บ้างก็คือ เครื่องสำอางมักจะมีความหลากหลายในชื่อรุ่นเฉดสี หรือ กลิ่นโดยผู้บริโภคต้องพิจารณาชื่อผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนซื้อ
- ประเภท หรือชนิดของเครื่องสำอาง เช่น ครีมป้องกันแสงแดด สบู่ ครีมบำรุงผิว แชมพูสระผม เป็นต้นเพื่อแสดงให้ทราบว่า เครื่องสำอางนี้เป็นผลิตภัณฑ์อะไร ใช้เพื่ออะไร
- วิธีใช้ เมื่อซื้อเครื่องสำอางมาแล้ว ต้องศึกษาวิธีใช้อย่างละเอียด เพื่อที่จะได้เกิด ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และปลอดภัย เช่นครีมกันแดดควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการใช้สูงสุด หรือ ครีมบำรุงผิวหน้าบางชนิดต้องใช้ทาเฉพาะกลางคืน เพื่อมิให้ผิวหนังบริเวณนั้นถูกแสงแดด เครื่องสำอางบางชนิดใช้แล้วต้องล้างออกด้วยน้ำ บางชนิดไม่ต้องล้าง ก็ต้องใช้ให้ถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- ส่วนประกอบสำคัญ (ชื่อสารทุกชนิดที่เป็นส่วนผสม) ข้อมูลนี้จะมีประโยชน์มากหากเราใช้เครื่องสำอางแล้วเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง จะได้จดจำไว้เป็นข้อมูลส่วนตัวว่าแพ้สารประเภทใดหรือ ถ้าทราบว่ามีประวัติแพ้สารใดมาก่อน ก็สามารถตรวจสอบรายละเอียดของส่วนประกอบในเครื่องสำอางก่อนซื้อ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงสารเคมีที่แพ้ได้ง่ายขึ้น
- คำเตือน (ในบางกรณี) เครื่องสำอางบางประเภทจะต้องแสดงคำเตือนที่ฉลากด้วยเนื่องจากผลิตภัณฑ์นั้นอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ง่าย เช่น ผลิตภัณฑ์ย้อมผม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงข้อควรระวังในการใช้เครื่องสำอางนั้นๆ เช่น ให้หยุดใช้เมื่อเกิดอาการระคายเคือง และควรพบแพทย์ทันที ดังนั้นอย่าลืมศึกษาคำเตือนให้เข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ในส่วนนี้จะเป็นการแสดงความรับผิดชอบของเจ้าของผลิตภัณฑ์หากผู้บริโภคเกิดปัญหาใดๆ ก็สามารถติดต่อไปยังผู้รับผิดชอบได้ทั้งในกรณีเครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ
- เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต การแจ้งครั้งที่ผลิตจะทำให้ทราบถึงรุ่นที่ทำการผลิต เช่น ในกรณีที่ต้องอ้างอิงสินค้าที่เกิดปัญหาขึ้น
- วันเดือนปีที่ผลิต การแจ้งวันเดือนปีที่ผลิตจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างยิ่งเพราะจะทำให้ทราบถึงอายุของผลิตภัณฑ์ ณ วันที่ซื้อว่าผลิตมานานแค่ไหน
- วันเดือนปีที่หมดอายุ การแจ้งวันเดือนปีที่หมดอายุจะทำให้ทราบถึงอายุของผลิตภัณฑ์ เช่นกัน แต่กฎหมายให้ระบุวันเดือนปีวันหมดอายุ เฉพาะเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 30 เดือนเท่านั้น
- เลขที่ใบรับแจ้งเป็นเลข 10 หลัก บนฉลากเครื่องสำอาง เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นได้มาแจ้งรายละเอียดตามข้อกำหนดการผลิตเพื่อขาย หรือ นำเข้าเพื่อขายเครื่องสำอาง กับสำนักงานคณะกรรมการ หรือ อย. เรียบร้อยแล้ว เช่น 12-3-4567890 เป็นต้นโดยสามารถใช้เลข 10 หลักในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้จากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้
- ปริมาณสุทธิ ในส่วนนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบระหว่างเครื่องสำอางในประเภทเดียวกันได้ว่า ปริมาณและราคาของเครื่องสำอางนั้นแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างคุ้มค่า สมราคา
- ข้อความอันจำเป็นอื่นๆ (ถ้ามี)
สัญลักษณ์บอกอะไร?
- สัญลักษณ์รีไซเคิล หมายถึง บรรจุภัณฑ์ชิ้นนี้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ช่วยลดโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง
- สัญลักษณ์หนังสือ หรือหนังสือพร้อมมีมือชี้ หมายถึง ผู้ใช้ควรอ่านฉลากให้ละเอียดก่อนใช้ เพราะอาจมีคำเตือนหรือข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ระบุอยู่ที่ฉลาก
- กระป๋องเปิด แล้วมีตัวเลขกำกับไว้ ตามด้วย m (month) หมายถึง ผลิตภัณฑ์นี้มีอายุเท่าไร (ระบุเป็นจำนวนเดือน) นับตั้งแต่เปิดให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสอากาศ เช่น มาสคาราจะเริ่มนับเวลาตั้งแต่การดึงก้านมาสคาราออกมาครั้งแรก หรือผลิตภัณฑ์หัวปั๊มก็นับตั้งแต่ทำการกดครั้งแรก
ที่มา : panclinic.com, hilight.kapook.com
"ซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางครั้งหน้า..อย่าลืมสังเกตและตรวจสอบฉลากทุกครั้งด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ"
มิสเดอร์มา
by Derma Innovation