หลายครั้งที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์บางยี่ห้อมีสัญลักษณ์ “Cruelty Free” เจ้ากระต่ายบินอยู่ และไม่รู้ว่าคำว่า Cruelty Free คืออะไรกันแน่? แล้วทำไมถึงเป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม วันนี้จะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างชัด! เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่า “Cruelty Free” นั้น ไม่ใช่แค่เทรนด์ฮิต แต่เป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจต่อสัตว์ และการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีจริยธรรมอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบัน Cruelty Free กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้บริโภคมองหาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสมอ!

Cruelty Free คืออะไร?
Cruelty Free คือ การผลิตสินค้าหรือทดสอบผลิตภัณฑ์โดยที่ไม่มีการใช้สัตว์ในการทดสอบหรือทดลองความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงทั้งในกระบวนการผลิตและการพัฒนาส่วนผสม โดยมีจุดประสงค์หลักของการทดสอบแบบ Cruelty Free คือการเลือกใช้วิธีที่ไม่ทำให้สัตว์ต้องเจ็บปวดหรือเสี่ยงชีวิต เช่น การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการทดลองในห้องทดลองที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์
ทำไมผู้บริโภคหลายคนให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ Cruelty Free?
- จริยธรรมและความเมตตา: ผู้บริโภคจำนวนมากเชื่อว่าสัตว์มีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างดี และไม่ควรนำมาทดลองเพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Cruelty Free จึงเป็นการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจต่อสัตว์ และเป็นการส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดความทรมานต่อสัตว์
- ความปลอดภัย: แม้ว่าการทดลองกับสัตว์จะเป็นวิธีการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แบบหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีวิธีการทดสอบอื่น ๆ ที่มีความแม่นยำและปลอดภัยกว่า เช่น การทดสอบในห้องปฏิบัติการ หรือการใช้เซลล์เพาะเลี้ยง การเลือกผลิตภัณฑ์ Cruelty Free จึงเป็นการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบด้วยวิธีที่ปลอดภัยกว่า
- เทรนด์: การใส่ใจเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มักให้ความสำคัญกับการสนับสนุนแบรนด์ที่ยืนหยัดในเรื่องของการปกป้องสิทธิสัตว์ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากการทดสอบกับสัตว์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
- สร้างความรู้สึกดีในการซื้อสินค้า: การเลือกใช้สินค้าที่ Cruelty Free ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกดีที่ได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการทดสอบกับสัตว์และสามารถสนับสนุนแนวทางที่มีจริยธรรม ทำให้ผู้บริโภครู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่น่าอยู่มากขึ้นอีกด้วยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
ทำไมสัญลักษณ์ Cruelty Free ถึงเป็นกระต่าย?

สัญลักษณ์ Cruelty Free มักเป็นรูปกระต่าย เพราะกระต่ายมักถูกนำมาใช้เป็นสัตว์ทดลองในห้องปฏิบัติการบ่อยครั้ง เนื่องจากมีระบบการเผาผลาญที่คล้ายมนุษย์ ทำให้ถูกเลือกเป็นสัตว์ทดลองในห้องแล็บ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เช่น สารเคมีในเครื่องสำอางและยาต่าง ๆ ซึ่งทำให้กระต่ายต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและอันตรายจากสารเคมีที่ถูกทดลอง รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในห้องปฏิบัติการ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการเลือกใช้ ‘กระต่าย’ เป็นสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงการปฏิเสธการทดสอบบนสัตว์หรือการทารุณสัตว์ในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของกระต่ายมักถูกมองว่าน่ารัก อ่อนโยน บอบบาง และไร้เดียงสา การนำกระต่ายมาเป็นสัญลักษณ์จึงช่วยกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจในตัวสัตว์และสื่อถึงความเมตตา เมื่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใดมีสัญลักษณ์กระต่าย จึงหมายถึงการที่สินค้านั้น ๆ ปฏิบัติตามหลักการ Cruelty Free ซึ่งไม่ใช้สัตว์ในการทดสอบผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าที่เคารพสิทธิของสัตว์และส่งเสริมการผลิตที่มีจริยธรรมได้อย่างมั่นใจ
Cruelty Free กับ Vegan ต่างกันยังไง?
- Cruelty Free คือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกทดสอบกับสัตว์ในกระบวนการพัฒนาและการผลิต ซึ่งหมายความว่าไม่มีการทดลองหรือทารุณสัตว์เพื่อทดสอบความปลอดภัยของสินค้า ตัวอย่างเช่น การทดสอบในห้องแล็บกับสัตว์ต่าง ๆ เช่น กระต่าย หนู หรือสุนัข เพื่อทดสอบความปลอดภัยของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์
- Vegan คือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้ส่วนผสมจากสัตว์เลย ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากสัตว์ เช่น นม น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง หรือส่วนผสมที่มาจากสัตว์อื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ Vegan จะใช้วัตถุดิบจากพืชหรือแหล่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สัตว์
จึงสรุปได้ว่า Cruelty Free เน้นที่กระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทารุณสัตว์ ขณะที่ Vegan เน้นที่การใช้ส่วนผสมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัตว์ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์สามารถเป็น Cruelty Free ได้โดยที่ยังมีส่วนผสมจากสัตว์ แต่หากเป็น Vegan จะต้องไม่มีส่วนผสมจากสัตว์อย่างเด็ดขาด
มาตรฐานหรือการรับรอง Cruelty Free มีอะไรบ้าง?

1. Leaping Bunny
Leaping Bunny เครื่องหมายรับรองระดับสากลที่ดำเนินการโดย Coalition for Consumer Information on Cosmetics ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา การรับรองนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากมาตรฐานที่เข้มงวดและกระบวนการตรวจสอบที่ละเอียด เช่น การตรวจสอบซัพพลายเออร์ และการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก ฉะนั้น ใครที่เห็นโลโก้กระต่ายบินของ Leaping Bunny บนผลิตภัณฑ์ มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์และส่วนผสมต่าง ๆ ไม่ผ่านการทดลองกับสัตว์เลย
2. PETA
PETA (People for the Ethical Treatment of Animals) มีโปรแกรมการรับรองผลิตภัณฑ์ปราศจากการทารุณกรรมสัตว์ชื่อว่า Beauty Without Bunnies บริษัทที่ต้องการขอรับการรับรองจาก PETA จะต้องกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับนโยบายการทดสอบกับสัตว์ แม้ว่ามาตรฐานการรับรองของ PETA อาจจะไม่เข้มงวดเท่ากับมาตรฐาน Leaping Bunny แต่ PETA ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และส่งเสริมการปฏิบัติที่ปราศจากการทารุณกรรมสัตว์ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและการดูแลผิวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ Cruelty Free
กระแส #SaveRalph หนังแอนิเมชันสตอปโมชันขนาดสั้นที่ยาวเพียง 3.54 นาที กลายเป็นกระแสที่สะเทือนใจผู้ชมทั่วโลก โดยการเล่าเรื่องผ่านตัวละครกระต่ายชื่อ ‘ราล์ฟ’ ที่ถูกบังคับให้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สัตว์เหล่านี้ต้องทนและตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น?” กระแสนี้ไม่เพียงแต่กระตุ้นให้หลายคนตระหนักถึงปัญหา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ตื่นตัวและใส่ใจเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์อย่างมาก และผลักดันให้ผู้คนหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Cruelty Free กันมากขึ้น เพราะผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการมากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พวกเขาต้องการแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Cruelty Free จึงกลายเป็นเหมือนการลงคะแนนเสียงเพื่อโลกที่สวยงามและปราศจากการทารุณกรรมสัตว์
อยากทำผลิตภัณฑ์ Cruelty Free แบรนด์ไทย ปรึกษาครบวงจรที่ Derma Innovation
เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่เพียงแค่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม แต่ยังต้องการแบรนด์ที่มีความหมายและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Cruelty Free คือการแสดงออกถึงความใส่ใจต่อสัตว์ และการสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน หากคุณสนใจสร้างผลิตภัณฑ์ Cruelty Free แบรนด์ไทยที่สะท้อนถึงความใส่ใจในสวัสดิภาพของสัตว์และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ Derma Innovation พร้อมให้คำปรึกษาแบบครบวงจร ด้วยมาตรฐานสากลที่คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ การยกจุดเด่นเรื่อง Cruelty Free เป็นจุดขายสำคัญของผลิตภัณฑ์ของคุณ ยังสามารถสร้างความแตกต่างและดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่รักสัตว์และใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย