ในปี 2025 วงการธุรกิจความงามกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้น และเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่เพียงแค่ดูแลผิวพรรณ แต่ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย ทั้งการใส่ใจสุขภาพสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า ถ้าคุณอยากรู้ว่าเทรนด์ธุรกิจความงามไหนจะกลายเป็นกระแสหลักในปี 2025 มาติดตามกันเลย!
10 เทรนด์ธุรกิจความงาม มีอะไรบ้าง?
1. ผลิตภัณฑ์แบบ All-in-1 Step

ผลิตภัณฑ์แบบ All-in-1 Step หรือผลิตภัณฑ์ที่รวมหลายฟังก์ชันไว้ในขั้นตอนเดียว เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกและประหยัดเวลาในการดูแลตัวเองในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่รวดเร็วและยุ่งเหยิง ในปี 2025 หลายแบรนด์กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รวมขั้นตอนต่าง ๆ ของการดูแลผิวหรือแต่งหน้าไว้ในหนึ่งเดียว เช่น การรวมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (Cleanser) โทนเนอร์ (Toner) และมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ไว้ในขั้นตอนเดียว ช่วยให้การบำรุงผิวรวดเร็วและสะดวก
2. เครื่องสำอางออแกนิกส์ (Organic Cosmetics)

เครื่องสำอางออแกนิกส์ กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่โดดเด่นและน่าจับตามองในวงการความงามในปี 2025 เนื่องจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีและส่วนผสมสังเคราะห์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเครื่องสำอางที่ใช้จะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือผลกระทบต่อผิว นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่แบรนด์ต้องจับตามอง เพราะผู้บริโภคกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ “ปลอดภัย” และ “เชื่อถือได้” มากกว่าแค่ความสวยงามภายนอก การเข้าถึงตลาดนี้จึงไม่ใช่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการสร้าง “ความไว้วางใจ” และ “ความรับผิดชอบ” ต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น Pain Point สำคัญที่หลายธุรกิจความงามต้องแก้ไขเพื่อสร้างความแตกต่างและก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดความงามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
3. น้ำหอมที่ปราศจากแอลกอฮอล์ (Alcohol-Free Perfume)

น้ำหอมที่ปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้จากแอลกอฮอล์ แต่ยังมอบประสบการณ์ความหอมที่ยาวนานและอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น เพราะใช้ส่วนผสมจากน้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถสร้างความแตกต่างได้ในตลาดไทย ด้วยการนำเสนอน้ำหอมกลิ่นไทย ๆ เช่น กลิ่นดอกไม้ไทย หรือกลิ่นเครื่องเทศไทย จะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งหากจับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและความหรูหราในราคาที่จับต้องได้ นี่จึงถือเป็นโอกาสที่น่าลงทุนและมีศักยภาพในการตีตลาดโลกได้ไม่ยากเลย
4. ครีมกันแดดที่ไม่มีสารเคมี (Mineral Sunscreen)

ครีมกันแดดที่ไม่มีสารเคมี กำลังก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นในวงการความงาม ด้วยนิยามที่ชัดเจนว่าเป็นการใช้สารกันแดดจากแร่ธรรมชาติ เช่น ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) แทนการใช้สารเคมีในสูตรเพื่อป้องกันรังสี UVA/UVB ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายสิ่งแวดล้อม ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่การมอบเกราะป้องกันรังสี UV ที่อ่อนโยน ปลอดภัย และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย
5. บลัชออนที่เปลี่ยนสีตามค่า pH ของผิว

บลัชออนที่เปลี่ยนสีตามค่า pH ของผิว คือนวัตกรรมความงามที่ตอบโจทย์ความต้องการของสาวๆ ยุคใหม่ที่ต้องการความสวยงามที่เป็นธรรมชาติและเฉพาะตัว โดยบลัชออนชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับค่า pH บนผิว ทำให้สีของบลัชออนเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล เกิดเป็นสีแก้มที่ดูระเรื่อ สดใส และเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ความโดดเด่นของบลัชออนชนิดนี้คือความสามารถในการปรับสีให้เข้ากับทุกสีผิว ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับการเลือกสีบลัชออนที่เหมาะสมอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้การแต่งหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดปัญหาแก้มแดงเกินไป หรือสีบลัชออนไม่เข้ากับสีผิว ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ความงามที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน
6. ลิปสติกที่เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ (Color-Changing Lipstick)

ลิปสติกที่เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับตัวตามสภาพอากาศหรืออุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีให้เหมาะกับอุณหภูมิของผิวหน้าผู้ใช้ เช่น การเปลี่ยนจากสีอ่อนเป็นสีเข้มเมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็น มอบความรู้สึกเฉพาะตัวและไม่ซ้ำใครในทุกครั้งที่ใช้ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาความยุ่งยากในการเลือกสีลิปสติกที่เหมาะสมกับการแต่งหน้าในแต่ละวัน ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานสะดวกและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม
7. เครื่องสำอางแบบไม่ทำร้ายโลก (Cruelty-Free)

ในยุคที่ผู้คนหันมาสนใจเรื่องความยั่งยืนและจริยธรรมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ การใช้เครื่องสำอางแบบไม่ทำร้ายโลกช่วยแก้ปัญหาความกังวลในเรื่องของการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่อาจทำร้ายสัตว์และสร้างความเสียหายต่อธรรมชาติ การเลือกใช้เครื่องสำอางแบบนี้จึงช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่เพียงแต่ปลอดภัยสำหรับผิว ยังเป็นมิตรต่อโลกและสัตว์ด้วย ตัวอย่างแบรนด์อย่าง Too Faced หรือ Tarte ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของการทำการตลาดในแนวทางที่ปราศจากการทดสอบสัตว์ ทำให้เกิดกระแสความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม
8. Beauty Tech

ธุรกิจความงาม Beauty Tech คือ การผสานเทคโนโลยีเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการด้านความงาม ช่วยตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ผิวหรือแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือการใช้ AR (Augmented Reality) เพื่อทดลองเมคอัพในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีเช่น เครื่องมือที่สามารถดูแลผิวหรือเส้นผมอย่างล้ำลึกผ่านการใช้การสั่นสะเทือนหรือแสง LED ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลได้จริงในระยะยาว เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาความยุ่งยากในขั้นตอนการดูแล แต่ยังเพิ่มความแม่นยำในการบำรุงและเสริมความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ทำให้ Beauty Tech เป็นอนาคตสดใสในวงการธุรกิจความงามเลยทีเดียว
9. อาหารเสริมที่มีความเป็นธรรมชาติสูง

ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารเสริมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง ความกังวลเกี่ยวกับรูปแบบแคปซูลหรือผง ซึ่งมักผ่านกระบวนการแปรรูป ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าทาน เพราะคิดว่าอาจมีสารเคมีตกค้างและส่วนผสมที่ไม่ต้องการ ดังนั้น การดัดแปลงอาหารเสริมในรูปแบบอื่นๆ จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะรูปแบบที่เป็นธรรมชาติและไม่ผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ยกตัวอย่าง Sea Moss Gel ซึ่งเป็นอาหารเสริมในรูปแบบเจลที่สกัดจาก มอสทะเล (Irish Moss) ซึ่งเป็นสาหร่ายทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถรับประทานได้โดยตรง หรือผสมในเครื่องดื่มได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องผ่านการแปรรูปที่ซับซ้อน ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าได้สารอาหารที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินจากธรรมชาติ 100% โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสารเคมีหรือสารตกค้าง ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ที่ต้องการอาหารเสริมที่สะดวกและปลอดภัยนั่นเอง
10. ผลิตภัณฑ์สปาและ Aromatherapy Wellness

การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจควบคู่กันได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่หลายคนมองหาในยุคที่ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ธุรกิจความงามและสุขภาพที่ผสานความเป็น Aromatherapy Wellness จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมองหา เพราะมันสามารถบำบัดจิตใจด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติในการบรรเทาความเครียด ปรับสมดุลอารมณ์ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผู้ใช้สามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายและผ่อนคลายได้ที่บ้าน
สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ความงามของผู้บริโภคยุคใหม่
- ความปลอดภัย
ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้าและผิวกาย ซึ่งอาจเกิดการระคายเคืองหรือปัญหาผิวได้ง่าย ดังนั้นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องความปลอดภัย เช่น การใช้ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง ผู้บริโภคจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและรับรองจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น ผ่านการทดสอบทางการแพทย์หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่าง ๆ
- ผลลัพธ์ที่เห็นผลจริง
ผู้บริโภคต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการใช้ผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนริ้วรอย หรือปรับสมดุลผิวให้ดีขึ้น หากผลิตภัณฑ์สามารถแสดงผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและตามความคาดหวังของลูกค้า จะทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในการเลือกใช้และเกิดความพึงพอใจสูง
- แพ็คเกจจิ้ง
แพ็คเกจจิ้งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์มากกว่าที่คิด การออกแบบที่ดีและสะดุดตาสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าและทำให้ผลิตภัณฑ์ดูมีมูลค่ามากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดความงามที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย หากแบรนด์สามารถออกแบบแพ็คเกจที่มีเอกลักษณ์และสร้างความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้า ก็จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์นั้นโดดเด่นและจดจำได้ง่าย นอกจากนี้การใส่ใจในรายละเอียดของการบรรจุภัณฑ์ เช่น ใช้วัสดุที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลูกค้ารุ่นใหม่ให้ความสนใจ
- ภาพลักษณ์ของแบรนด์และการตลาด
การสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจความงาม เพราะผู้บริโภคมักจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงตัวตนหรือค่านิยมของตนเองได้ การตลาดที่ดีไม่ใช่แค่การโฆษณา แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การซื้อจนถึงการใช้งาน ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มักจะได้รับความภักดีจากลูกค้าและการบอกต่อจากปากสู่ปาก ซึ่งเป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง
- เทคโนโลนีและนวัตกรรม
เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาเครื่องสำอางที่ช่วยให้ดูดซึมได้ดีขึ้น หรือการใช้สารสกัดที่ผ่านการวิจัยจากวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้การสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก เช่น การพัฒนาเครื่องสำอางที่มีหลายฟังก์ชันในผลิตภัณฑ์เดียว (All-in-one) ก็ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีเวลาจำกัดและต้องการความสะดวกสบาย
- การรับรองมาตรฐาน
การได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรหรือหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น GMP (Good Manufacturing Practice), ASEAN GMP, ISO 9001, ISO 22716, FDA, และ Green Industry เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ความงาม โดยเฉพาะในแง่ของคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีการรับรองมาตรฐานเหล่านี้
อ่านเกมธุรกิจความงาม รู้ทันตลาด สร้างความได้เปรียบกับ Derma Innovation
ในสมรภูมิธุรกิจความงามที่ดุเดือด ผู้ประกอบการที่ “อ่านเกม” ขาดเท่านั้น จึงจะสามารถช่วงชิงความได้เปรียบ! ยุคนี้ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้า แต่เป็นการสร้างแบรนด์ที่โดนใจ เจ้าของแบรนด์ที่อยากสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่าง เลือก Derma Innovation ด้วยความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์เทรนด์ พร้อมความสามารถในการยกระดับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เห็นผลจริง หากคุณเป็นผู้ประกอบยุคใหม่ที่พร้อมจะก้าวนำเทรนด์ใหม่ ๆ มาปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ปรึกษา Derma Innovation เป็นเพื่อนคู่คิด ไม่มีผิดหวัง!