กรดอัลฟา-ไลโปอิก (Alpha Lipoic Acid) หรือที่รู้จักกันดีในวงการความงามและสุขภาพ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวหนัง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในวงการสกินแคร์เท่านั้น แต่กรดอัลฟา-ไลโปอิกยังถูกนำไปใช้ในการรักษาทางการแพทย์ โดยเฉพาะในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น โรคเบาหวาน ที่มีภาวะแทรกซ้อนเป็นโรคเส้นประสาทอักเสบ (Diabetic Neuropathy) หรือการบำบัดการอักเสบ และการฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ประสาทอีกด้วย ไปดูกันต่อว่าแล้ว Alpha Lipoic Acid มีหลักการทำงานอย่างไร? ทำไมถึงเป็นสารสกัดที่สำคัญในหมู่ผู้รักสุขภาพและความงาม? ไปดูกันต่อเลย
Alpha Lipoic Acid คืออะไร?

Alpha Lipoic Acid (ALA) หรือ กรดอัลฟา-ไลโปอิก คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยมันช่วยแปลงกลูโคส (น้ำตาลในเลือด) ให้กลายเป็นพลังงานในเซลล์ การทำงานของ ALA เป็นไปในลักษณะของ สารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำและไขมัน ซึ่งทำให้มันมีความพิเศษในการช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระทั้งในภาวะที่ต้องการน้ำและไขมัน
ประโยชน์ของ Alpha Lipoic Acid (ALA)
- การต้านอนุมูลอิสระ
Alpha Lipoic Acid ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายจากการเกิดริ้วรอย และปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความเครียดออกซิเดชัน
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
Alpha Lipoic Acid ช่วยปรับปรุง Insulin Sensitivity หรือความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน โดยทำให้เซลล์สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการกระตุ้นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่เซลล์
- ป้องกันการทำลายของเซลล์ประสาท
Alpha Lipoic Acid ช่วยบรรเทาและรักษา โรคเส้นประสาทอักเสบ (Neuropathy) และ โรคประสาทเสื่อม โดยการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท พร้อมช่วยสร้างพลังงานในเซลล์ประสาท โดยเฉพาะในส่วนของ ไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์
- ช่วยลดการอักเสบ
ลดการผลิต ไซโตไคน์อักเสบ (Inflammatory Cytokines) ที่เป็นสารสื่อกลางที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะในโรคข้ออักเสบเรื้อรัง
Alpha Lipoic Acid พบได้ที่ไหน?
ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์กรดอัลฟาไลโปอิกได้ในปริมาณจำกัด โดยการสังเคราะห์เซลล์ในกระบวนการเมตาบอลิซึม แต่การได้รับกรดอัลฟา-ไลโปอิกจากอาหารก็เป็นวิธีที่สำคัญในการเสริมปริมาณให้เพียงพอสำหรับร่างกาย โดย Alpha Lipoic Acid จะพบจากแหล่งอาหารหลายชนิด เช่น ตับ ไต ยีสต์ ผักใบเขียวเข้ม อย่าง ผักโขม บร็อกโคลี และธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ยังพบได้ในเนื้อแดงและผลไม้บางชนิดอย่างอะโวคาโดอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีกรดอัลฟา-ไลโปอิกชนิดที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมักพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ
การใช้ Alpha Lipoic Acid ในรูปแบบอาหารเสริม

การใช้ Alpha Lipoic Acid (ALA) ในรูปแบบ อาหารเสริม ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากประโยชน์ทางด้านการต้านอนุมูลอิสระและการฟื้นฟูสุขภาพในระดับเซลล์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากการเสื่อมสภาพและลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและโรคเบาหวาน ในการใช้ ALA เป็นอาหารเสริม ส่วนใหญ่จะพบในรูปแบบของ แคปซูล หรือ เม็ด ซึ่งสะดวกต่อการทานและดูดซึมได้ดี โดยอาจมีการเติมวิตามินอื่น ๆ เสริมด้วย เช่น วิตามินซีหรือวิตามินอี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลาย การเลือกทาน ALA ในรูปแบบอาหารเสริมจึงเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงจากภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพของเซลล์ นอกจากนี้การผสมผสาน ALA กับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่าง ๆ เช่น ครีมและเซรั่ม ในรูปแบบน้ำมันหรือเจล ยังช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ALA ได้รับความนิยมในวงการความงามอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
Alpha Lipoic Acid ควรกินกี่มิลลิกรัม/วัน
NIH (National Institutes of Health) หรือ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ได้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้เห็นว่า การทาน Alpha Lipoic Acid วันละ 300 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นระยะเวลา 3 เดือน สามารถช่วยรักษาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้ว Alpha Lipoic Acid ถือเป็นอาหารเสริมที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ข้อมูลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ALA สามารถทานได้ในขนาดสูงสุดถึง 2400 มิลลิกรัมต่อวันโดยไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม การทานในขนาดที่สูงเกินไปไม่ได้ให้ผลดีเพิ่มเติม เพราะขนาดที่สูงขึ้นไม่ช่วยเพิ่มประโยชน์ใด ๆ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงทั่วไป เช่น ปวดหัว อาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ และอาเจียนได้ ดังนั้น การรับประทาน ALA ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน จึงเป็นปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมในการรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก ALA โดยไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียง
ใครควรทาน Alpha Lipoic Acid เสริมบ้าง?

- ผู้ที่มีภาวะความเครียดออกซิเดทีฟสูง – เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่สัมผัสมลพิษเป็นประจำ หรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก เนื่องจาก Alpha Lipoic Acid มีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน – เนื่องจาก Alpha Lipoic Acid สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น โรคเส้นประสาทอักเสบ (Diabetic Neuropathy) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะการไหลเวียนของเลือดไม่ดีและเกิดการเสื่อมสภาพของเส้นประสาท
- ผู้สูงอายุ – เนื่องจากร่างกายของผู้สูงอายุผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง ALA จึงสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะ
- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างระบบประสาทและการทำงานของสมอง – Alpha Lipoic Acid มีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์ประสาทจากการเสื่อมสภาพ และช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงานในเซลล์ประสาท จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงสมองและลดความเสี่ยงจากโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง – ปัญหาสิว รอยแดง หรือริ้วรอย ที่เสื่อมสภาพจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น รังสี UV มลพิษ การเสริม Alpha Lipoic Acid จะเข้าไปช่วยในการลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เลือก Alpha Lipoic Acid เป็นสารสกัดหลักในผลิตภัณฑ์ของคุณ
นอกจากคุณสมบัติอันน่าทึ่งของ Alpha Lipoic Acid ที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีแล้ว ที่ Derma Innovation เรายังมีความเชี่ยวชาญในการนำสารสกัดตัวนี้มาผสมผสานกับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างหลากหลาย หากคุณต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในด้านความงามและการดูแลผิว Derma Innovation มีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญขอที่พร้อมทำให้ไอเดียของคุณกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิผล พร้อมวางขายสู่ตลาดได้จริง!