โมเลกุล octocrylene

รู้จัก Octocrylene คืออะไร? ทำไมถึงเป็นสารกันแดดตัวเก่งที่ห้ามมองข้าม!

สงสัยไหมว่าทำไม Octocrylene ถึงเป็นสารกันแดดที่ได้รับการยอมรับระดับสากล และใช้งานกันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์หลากหลายแบรนด์ทั่วโลก นั่นเป็นเพราะความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสูตรต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ป้องกันผิวได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้แบรนด์ดังระดับโลกหรือแบรนด์ที่กำลังเติบโตต่างก็ให้ความสำคัญกับ Octocrylene นั่นเอง ฉะนั้น หากคิดจะลงทุนกับการทำผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ตอบโจทย์ผู้โภคยุคใหม่ บอกเลยว่า Octocrylene คือหนึ่งในอาวุธลับที่ผู้ประกอบการห้ามพลาด! ว่าแล้วก็ไปรู้จัก Octocrylene เลยว่าคืออะไร? 

Octocrylene คืออะไร? 

สาร octocrylene

Octocrylene (ออคโตไครลีน) คือ สารกันแดดประเภทเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV โดยเฉพาะรังสี UVB ที่ทำให้ผิวไหม้และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันรังสี UVA ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยและความเสื่อมสภาพของผิวได้ด้วย

โดย Octocrylene สังเคราะห์ขึ้นโดยกระบวนการเคมีที่เรียกว่า Esterification Process โดยการรวมตัวของสาร 2-ethylhexanol กับสาร Methacrylic Acid ผลลัพธ์จากปฏิกิริยานี้คือการได้มาซึ่ง Octocrylene ซึ่งสามารถถูกกรองและนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการกรองรังสี UV ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและครีมกันแดด

ประโยชน์ของ Octocrylene

  • ดูดซับรังสี UVB และ UVA: Octocrylene จะช่วยการป้องกันรังสี UVB เป็นหลักแต่ยังช่วยป้องกันรังสี UVA ได้ด้วย โดยรังสีทั้งสองเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวไหม้และเสื่อมสภาพ ซึ่งหลักการทำงานของ Octocrylene คือ มันจะดูดซับพลังงานจากรังสี UV ที่ตกกระทบบนผิวหนังและเปลี่ยนพลังงานนั้นให้กลายเป็นพลังงานความร้อนในปริมาณที่น้อยมาก ทำให้รังสี UV ไม่สามารถทำลายเซลล์ผิวได้
  • ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง: การดูดซึมรังสี UVB และ UVA ซึ่งมีพลังงานสูงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น Octocrylene จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง โดยการป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากรังสีเหล่านี้
  • ทำงานร่วมกับส่วนผสมอื่นเพื่อปกป้องผิว: Octocrylene ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดดในความเข้มข้นสูงสุด 10% (แคนาดาอนุญาตให้มีความเข้มข้น 12%) ซึ่งในตัวมันเองอาจไม่สามารถให้การปกป้องที่เพียงพอได้ ดังนั้นจึงมักถูกใช้ร่วมกับสารกันแดดอื่น ๆ เช่น Avobenzone เพื่อเพิ่มความเสถียรในการปกป้องผิวจากแสงแดด
  • กันน้ำได้ดีขึ้น: Octocrylene ยังช่วยเพิ่มความทนทานต่อน้ำในครีมกันแดด ทำให้มันมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือเมื่อต้องสัมผัสกับน้ำ

ความปลอดภัยของ Octocrylene 

สำนักงานอาหารและยา (FDA) และ คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของสหภาพยุโรป (SCCS) ได้ประเมินความปลอดภัยของ Octocrylene สำหรับการใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดดและพบว่า ความเข้มข้นสูงสุดถึง 10% นั้นถือว่าปลอดภัย ซึ่งอนุมานได้ว่า สารกันแดด Octocrylene โดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ และถือว่ามีความปลอดภัยในการใช้งานบนผิวหนังในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและครีมกันแดด แต่ควรระมัดระวังการใช้บนผิวหนังเด็ก เนื่องจากผิวเด็กมีความบอบบางอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพ้ต่อสารนี้ได้ ดังนั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สาร Octocrylene ในเด็กและผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังเรื้อรัง (Rosacea) หรือ โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) รวมถึงผู้ที่กำลังให้นมบุตรด้วย เนื่องจากสารนี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และมันสามารถถูกขับออกผ่านทางน้ำนม ไปยังทารกที่กำลังได้รับนมจากแม่ได้ แม้ว่าในปริมาณที่อาจไม่สูงมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของทารก

วิธีการใช้สารกันแดดที่มี Octocrylene ให้มีประสิทธิภาพ

ผู้หญิงกำลังทาครีมกันแดด

การใช้ สารกันแดดที่มี Octocrylene ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ทากันแดดก่อนออกแดด 15–30 นาที

การทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15–30 นาทีจะช่วยให้สารกันแดดได้ซึมซาบและทำงานได้เต็มที่ การทากันแดดทันทีหลังออกจากบ้านอาจทำให้สารกันแดดยังไม่สามารถป้องกันรังสี UV ได้อย่างเต็มที่

2. ใช้ปริมาณให้พอเหมาะ

การใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทั่วไปสำหรับใบหน้าและลำคอ ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 1/2 ช้อนชา (หรือประมาณ 2–3 ข้อนิ้ว) หากทาครีมกันแดดให้ทั่วร่างกาย ควรใช้ปริมาณประมาณ 1 ออนซ์ (หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)

3. ทาผลิตภัณฑ์ให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำตัว

อย่าลืมทาครีมกันแดดให้ทั่วทั้งใบหน้า หู หลังคอ มือ และเท้า รวมถึงบริเวณที่มักจะโดนแสงแดด เช่น หน้าแข้ง หลังมือ และหลังเท้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสันของจมูก แก้ม และคาง ควรทาให้หนาเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่โดนแสงแดดโดยตรงง่ายที่สุด

4. ทากันแดดทุก 2 ชั่วโมง

แม้ว่า Octocrylene จะเป็นสารกันแดดที่กันน้ำได้ดี แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าสารกันแดดทุกชนิดจะสูญเสียประสิทธิภาพเมื่อสัมผัสกับน้ำหรือเหงื่อ ดังนั้น ควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหากมีการว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้เหงื่อออก

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF เหมาะสม

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุดจากรังสี UVA และ UVB ค่า SPF ที่สูงจะช่วยป้องกันผิวจากการไหม้แดดได้ดียิ่งขึ้น

6. ไม่ลืมทาบนริมฝีปาก

ริมฝีปากมักถูกละเลยเมื่อทาครีมกันแดด แต่อย่าลืมทาลิปบาล์มที่มี SPF 15 หรือสูงกว่า เพื่อปกป้องริมฝีปากจากรังสี UV

7. ตรวจสอบวันหมดอายุของครีมกันแดด

การใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ลดลง ดังนั้นให้ตรวจสอบวันหมดอายุของครีมกันแดดก่อนใช้ทุกครั้ง

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Octocrylene 

ครีมกันแดดวางบนชายหาด

1. Octocrylene เป็นส่วนผสมของครีมกันแดดที่ปลอดภัยหรือไม่?

FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ) ได้รับรองว่า Octocrylene เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการกันแดด และสามารถใช้ Octocrylene ได้สูงสุดถึง 10% ในสูตรครีมกันแดดแต่ละตัว

2. Octocrylene ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือไม่?

แพทย์ผิวหนังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ Octocrylene สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ หรือหากต้องการใช้ควรทำการทดสอบแพ้ (Patch Test) ก่อน เพื่อดูว่าเกิดอาการระคายเคืองหรือไม่

3. ผลิตภัณฑ์ที่มี Octocrylene เหมาะสำหรับใคร?

ผลิตภัณฑ์ที่มี Octocrylene เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องผิวจากแสงแดดทุกวัน โดยเฉพาะผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง  เช่น ผู้ที่เล่นกีฬาในน้ำ หรือกิจกรรมที่มีเหงื่อออก เนื่องจาก Octocrylene ช่วยเพิ่มความทนทานต่อน้ำในผลิตภัณฑ์กันแดด ทำให้ครีมกันแดดติดทนบนผิวได้นานขึ้น 

สร้างผลิตภัณฑ์กันแดดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ กับ Derma Innovation

ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง Octocrylene สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับสารกันแดดตัวอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Avobenzone ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ Octocrylene นั้นไม่ได้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและผิวกายเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่สเปรย์ฉีดผมที่ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด ไปจนถึงครีมบำรุงผิวที่มอบการปกป้องในขั้นตอนเดียว ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความโดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น และด้วยความเชี่ยวชาญของ Derma Innovation คุณสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ไม่เหมือนใคร ภายใต้การทดสอบและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด จากมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ขอขอบคุณข้อมูลจาก drugbank.com