กลยุทธ์การตลาด 4P ที่ดูเหมือนจะง่าย ทำไมบางแบรนด์ทำได้สำเร็จ แต่บางแบรนด์อาจได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนอย่างที่ใจหวัง พวกเขามีวิธีวิเคราะห์อย่างไร? ตั้งแต่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด การตั้งราคาที่เข้าถึงได้ การเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ไปจนถึงกลยุทธ์การโปรโมตที่กระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น! เราไปเรียนรู้เรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้ผ่านการศึกษาตัวอย่าง 4P เครื่องสำอางแบรนด์ดังกันว่าแบรนด์เหล่านี้ใช้กลยุทธ์อะไรบ้างในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเครื่องสำอางที่การแข่งขันสูง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างประสิทธิภาพ
4P คืออะไร?
ในเชิงการตลาด 4P หรือ Marketing Mix คือเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ Product (สินค้า) Price (ราคา) Place (สถานที่จำหน่าย) และ Promotion (การส่งเสริมการขาย) โดยองค์ประกอบทั้ง 4 นี้จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และนำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจ
ส่วนประสมทางการตลาด 4P มีอะไรบ้าง?

1. Product (สินค้า)
สินค้า คือสิ่งที่คุณนำเสนอให้กับลูกค้า และเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของธุรกิจ ยกตัวอย่าง 4P เครื่องสำอาง หมวดหมู่สินค้าอาจจะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ครีมบำรุงผิว รองพื้น ลิปสติก แชมพู และเครื่องสำอางอื่น ๆ โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น
- คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอางของคุณมีจุดเด่นอะไรบ้าง? มีส่วนผสมอะไรที่เป็นเอกลักษณ์? ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มไหน?
- ความแตกต่าง: สินค้าต้องมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น ส่วนผสมพิเศษ มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสกัดหรือผลิตผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- การออกแบบบรรจุภัณฑ์: บรรจุภัณฑ์มีความสำคัญต่อการสร้างภาพลักษณ์และดึงดูดลูกค้า การออกแบบต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและภาพลักษณ์ของแบรนด์
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์: คุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำเมื่อได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่อง
2. Price (ราคา)
การตั้งราคาเครื่องสำอางต้องมีการศึกษาตลาดให้ละเอียด เช่น การเปรียบเทียบราคาของแบรนด์ในตลาด การคำนวณต้นทุนการผลิตและการตลาด รวมถึงการพิจารณาความสามารถในการจ่ายของกลุ่มเป้าหมาย โดยกลยุทธ์การตั้งราคาสามารถแบ่งได้หลายประเภท เช่น
- การกำหนดราคา: ราคาที่ตั้งควรสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และกลุ่มเป้าหมาย
- ราคาคู่แข่ง: หากเครื่องสำอางของคุณมีลักษณะเหมือนกับสินค้าของคู่แข่งในตลาด ราคาอาจจะเป็นตัวตัดสินใจให้ลูกค้าเลือกซื้อ
- ราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์: การตั้งราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าของสินค้า เช่น สินค้าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติหรือมีการวิจัยพัฒนาเพื่อความปลอดภัย อาจมีราคาสูงขึ้นเพื่อสะท้อนถึงคุณภาพและความพรีเมียม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเป็นราคาที่คุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับด้วยเช่นกัน
- ราคาที่เน้นความคุ้มค่า: หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นกลุ่มที่เน้นความคุ้มค่า คุณอาจตั้งราคาในระดับที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าบ่อยครั้ง
3. Place (สถานที่จำหน่าย)
สถานที่จำหน่าย คือการเลือกช่องทางที่ดีที่สุดในการนำสินค้าของคุณไปถึงมือผู้บริโภค การเลือกสถานที่จำหน่ายที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยในธุรกิจเครื่องสำอางอาจมีช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย เช่น
- ร้านค้าออนไลน์: การขายผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ (เช่น Shopee, Lazada, Instagram) ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว
- ร้านค้าปลีก: เช่น การจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ร้านเครื่องสำอาง หรือแม้แต่ร้านขายยาที่มีช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง
- ร้านค้าเฉพาะทาง: เช่น ร้านเครื่องสำอางเฉพาะแบรนด์ หรือร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงาม ที่มีความเชี่ยวชาญและกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับสินค้าเครื่องสำอางที่คุณขาย
4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)
โปรโมชัน เป็นกลยุทธ์การตลาด 4P ที่สำคัญเพราะนี่คือโอกาสในการดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า การวางแผนกลยุทธ์การส่งเสริมการขายควรพิจารณาตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงงบประมาณที่มี และต้องสอดคล้องกับการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่น่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขากำลังได้รับสิ่งที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเสนอส่วนลดพิเศษ การจัดโปรโมชัน หรือการแจกของแถม เพื่อเพิ่มมูลค่าและกระตุ้นการซื้อในทันที ซึ่งการโปรโมตเครื่องสำอางสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น
- ส่วนลดและโปรโมชัน: การให้ส่วนลดหรือการจัดโปรโมชันเช่น “ซื้อ 1 แถม 1” “โปรโมชันสำหรับลูกค้าใหม่” หรือ “ลดราคา 20%” สามารถดึงดูดลูกค้าได้ดี
- Influencer Marketing: การให้ผู้มีชื่อเสียงในวงการความงามหรืออินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการซื้อ
- การโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ: เช่น การโฆษณาผ่าน Facebook, Instagram, Google Ads หรือการทำคอนเทนต์ที่ดึงดูดลูกค้า เช่น บทความรีวิว วิดีโอสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์
- กิจกรรมและอีเวนต์: การจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการจัดงานที่มีการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ร้าน
- เชิญชวนให้ลูกค้ารีวิว: ลูกค้ารายใหม่มักจะค้นหาความคิดเห็นจากผู้ใช้จริงก่อนการตัดสินใจซื้อ เพราะรีวิวจากลูกค้าที่มีประสบการณ์จริงถือเป็น “คำแนะนำที่มีค่า” ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าของคุณ หากรีวิวส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก ลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของพวกเขา
วิเคราะห์ตัวอย่าง 4P เครื่องสำอาง จากแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ

วันนี้ขอหยิบตัวอย่าง 4P เครื่องสำอาง ‘ครีมกันแดดขวดฟ้า’ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของแบรนด์ Mistine มาวิเคราะห์ ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่า Mistine เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่อยู่คู่คนไทยมานานหลายทศวรรษ โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ราคาประหยัดที่เข้าถึงง่าย จนพัฒนาตัวเองมาเป็นแบรนด์ที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างน่าสนใจ มาดูกันว่า Mistine สามารถก้าวข้ามผ่านกาลเวลา และประสบความสำเร็จได้อย่างไร ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาด 4P
1. Product (ผลิตภัณฑ์)
อย่างที่รู้ว่า ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ 4P ของ Mistine นั่นมีหลากหลายมาก แต่แบรนด์เลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเป็นตัวชูโรงในตลาดจีน ซึ่งเป็นการจับ Pain Point ของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากประเทศจีนที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจีนมองว่า ครีมกันแดดของไทย ก็ต้องมีคุณสมบัติในการกันแดดได้ดี และทนน้ำทนเหงื่อ ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดจีนที่เน้นการปกป้องผิวจากแสงแดดที่รุนแรง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่มักเน้นเพียงแค่ประสิทธิภาพในการกันแดด นอกจากนี้ Mistine ยังปรับใช้กลยุทธ์อย่างชาญฉลาดด้วยการพัฒนาครีมกันแดดขวดฟ้าแต่ยังมีการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ภูมิประเทศ และสภาพผิวของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ซึ่งนี่ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด 4P ที่สำคัญในการแข่งขันในตลาดที่มีความหลากหลาย
2. Price (ราคา)
ตัวอย่าง 4P เครื่องสำอาง ด้านกลยุทธ์การตั้งราคาของ ครีมกันแดดขวดฟ้า ของแบรนด์ Mistine เป็นการตั้งราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และคุ้มค่า สำหรับผู้บริโภคในกลุ่มตลาดมวลชน โดยมีการใช้กลยุทธ์ ราคาที่แข่งขันได้ (Competitive Pricing) ซึ่งช่วยให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคจากหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มวัยรุ่น ผู้เริ่มต้นดูแลผิว หรือผู้ที่มีกำลังซื้อระดับกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยราคาของครีมกันแดด Mistine มักจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่ยังคงมอบคุณภาพที่เหนือกว่าในแง่ของการปกป้องผิวจากแสงแดดและการดูแลผิว นอกจากนี้ ครีมกันแดด Mistine ยังมีการปรับกลยุทธ์ราคาให้เหมาะสมกับตลาดต่างประเทศ เช่น การส่งออกไปยังตลาดจีน ซึ่งมีการตั้งราคาตามสูตรที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค ดังนั้น กลยุทธ์การตั้งราคาของ Mistine จึงเน้นการให้คุณค่าที่ดีที่สุดในราคาที่เข้าถึงได้ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่อาจตั้งราคาสูงโดยไม่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะในแต่ละตลาดได้อย่างครบถ้วน
3. Place (สถานที่จำหน่าย)
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาความนิยมของ Mistine ในสายตาของคนไทยจะลดลงบ้าง แต่ Mistine กลับพบโอกาสที่ดีในตลาดจีน ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่แสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในประเทศไทย Mistine มีการกระจายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ค่อนข้างหลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ต้องการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน ช่องทางหลัก ๆ ที่พบได้แก่ ร้านค้าปลีกทั่วไป ซูเปอร์มาร์เก็ต และช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของตัวเองและแพลตฟอร์ม E-commerce อื่น ๆ เช่น Lazada และ Shopee ในขณะที่ตลาดจีนนั้นได้โฟกัสไปที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยการใช้แพลตฟอร์ม E-commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน เช่น Tmall และ JD.com ซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงในการซื้อสินค้าความงามและเครื่องสำอางในจีน ซึ่งหลังจากตีตลาดจีนได้สำเร็จ คนจีนมีการซื้อกลับไปเยอะมาก ๆ และมีการรีวิวเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ที่ทำให้คนไทยเริ่มสนใจในผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดของแบรนด์นี้มากขึ้นนั่นเอง
4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)
Mistine ไม่ได้เริ่มจากการจัดโปรโมชันฉ่ำ ๆ อย่าง 1 แถม 1 หรือลดราคาปัง ๆ แต่แบรนด์เลือกเดินเกมด้วยการเริ่มเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ก่อน หลังจากหาตลาดเป้าหมายได้สำเร็จก็เลือกหยิบดาราสาวระดับโลกอย่าง จ้าวลู่ซือ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดได้สำเร็จ เพราะภาพลักษณ์ของเธอที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ดูดี มีสไตล์ และใส่ใจเรื่องการดูแลผิวพรรณ ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของมิสทิน นั่นคือกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามและไลฟ์สไตล์เป็นอย่างมาก อีกทั้งความ World Wide ของเธอยังช่วยให้ Mistine ขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ดีลหลายร้อยล้านที่ Mistine ลงทุนไป กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสร้างผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว ซึ่งในฝั่งตลาดไทยเองก็เรียกได้ว่าโปรโมตต่อกันฉ่ำ จากที่เห็นบนรถไฟฟ้าหรือป้ายต่าง ๆ จะต้องมีหน้าจ้าวลู่ซือถือครีมกันแดดขวดฟ้ากันจนคุ้นตา
เริ่มต้นวิเคราะห์ตัวอย่าง 4P เครื่องสำอางอย่างมืออาชีพ เพื่อธุรกิจของคุณ
และนี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างของการวิเคราะห์ 4P ในตลาดเครื่องสำอาง ที่แสดงให้เห็นว่า การเข้าใจตลาดอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจทุกขั้นตอนได้อย่างมั่นใจ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการวางจำหน่ายสินค้า ซึ่งมันจะง่ายขึ้นมากเมื่อคุณขอคำปรึกษาจากทีมวิจัยผู้เชี่ยวชาญ ทีมวางแผนการตลาด ไปจนถึงทีมขาย ที่มีประสบการณ์จาก Derma Innovation อีทั้งจะช่วยให้คุณเห็นว่าแม้ตลาดเครื่องสำอางจะมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่แบรนด์ของคุณก็สามารถยืนเทียบเคียงแบรนด์ใหญ่ ๆ ในตลาดได้อย่างมั่นคง